กวาวเครือขาว เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มี 2 พันธุ์ ได้แก่
Pueraria candollei Graham ex Benth. var.
mirifica (Airy Shew Savat.) พบมากในจังหวัดสระบุรี โดยฝักจะมีขนยาวกว่าอีกพันธุ์คือ
Pueraria candollei Graham ex Benth. var.
candollei พบมากในจังหวัดกาญจนบุรีและลำปาง (1) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์โดยทั่วไปคล้ายคลึงกันคือ เป็นไม้เถา เนื้อแข็ง เลื้อยพันตามไม้ใหญ่ ใบประกอบมี 3 ใบ ดอกคล้ายดอกแคขนาดเล็กออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง สีน้ำเงินอมม่วง ฝักเล็กแบนบาง มีหัวใต้ดินคล้ายมันแกวขนาดใหญ่ เนื้อในสีขาว หัวใต้ดินถูกนำมาใช้ประโยชน์ โดยมีสรรพคุณแผนโบราณ ใช้เป็นตัวยาหนึ่งในตำรับยาบำรุงร่างกาย บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์และมดลูก (2) วิธีการใช้ตามตำรายาของหลวงอนุสารสุนทร ใช้กวาวเครือขาวผสมกับน้ำผึ้ง ตรีผลา หรือนมสด ปั้นเป็นยาเม็ดขนาดเท่าเม็ดพริกไทย แต่มีข้อห้ามไม่ให้คนหนุ่มสาวรับประทานและหากรับประทานในปริมาณสูงหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายได้
กวาวเครือขาวจัดเป็นสมุนไพรควบคุม (รวมทั้งกวาวเครือแดงและกวาวเครือดำ) มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้รับความสนใจเนื่องจากมีสารที่มีโครงสร้างทางเคมีและออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง (estrogenic Activity) เรียกว่า phytoestrogen ได้แก่ deoxymiroestrol และ miroestrol (3-4) มีการวิจัยถึงฤทธิ์ของกวาวเครือขาวต่อสุขภาพของสตรี ซึ่งเน้นประโยชน์เพื่อช่วยลดอาการของสตรีวัยหมดประจำเดือน โดยมีการศึกษาฤทธิ์ของกวาวเครือขาวต่อการลดอาการร้อนวูบวาบ (5) ลดภาวะกระดูกพรุน (6-7) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยในเรื่องของความจำและการเรียนรู้ (8) และมีผลช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้ (9) แต่งานวิจัยส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองเท่านั้น ซึ่งงานวิจัยทางคลินิกยังมีน้อยมาก อีกทั้งยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงขนาดที่ใช้ อาการข้างเคียง และความเป็นพิษ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้เอง และจากโครงสร้างของสารสำคัญในกวาวเครือขาวที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นอาจไปรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ สำหรับการใช้กวาวเครือขาวในรูปแบบครีมทาภายนอกเพื่อขยายหน้าอก ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าช่วยเพิ่มขนาดได้ นอกจากนี้ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือขาวยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆ อย่างในกระบวนการผลิต เช่น ส่วนผสม สารสำคัญในการนำพาสารเข้าสู่เซลล์ และความคงตัวของสาร เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ แต่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ให้ใช้กวาวเครือขาวเป็นตัวยาหนึ่งในตำรับยาสมุนไพรเพื่อใช้บำรุงร่างกายและไม่ควรรับประทานเกินวันละ 100 มก./วัน ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งมดลูกและมะเร็งเต้านมหรือเนื้องอกที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่ควรใช้กวาวเครือขาว สำหรับสรรพคุณในการบรรเทาอาการวัยหมดประจำเดือนและเพื่อความงามในการขยายหน้าอกในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ยังต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประสิทธิผลและความปลอดภัยต่อร่างกาย