Loading…

ข้าวมันไก่กับอหิวาต์เทียม

ข้าวมันไก่กับอหิวาต์เทียม

อาจารย์ ดร. กฤษณ์ ถิรพันธ์ุเมธี ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

16,959 ครั้ง เมื่อ 4 ช.ม.ที่แล้ว
2015-01-16


ในช่วงนี้ข่าวที่เป็นข่าวใหญ่เรื่องหนึ่งนอกจากเรื่องของช้างป่าที่ออกมาเดินเล่นแล้ว คงจะเป็นข่าวเรื่องนักเรียนในโรงเรียนแถบภาคเหนือและอีสานป่วยด้วยอาการอาหารเป็นพิษจากการรับประทานข้าวมันไก่ จากการตรวจสอบพบเชื้ออหิวาต์เทียมในอุจจาระ เนื่องจากการบริโภคข้าวมันไก่ใส่เลือดไก่ที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Vibrio parahaemolyticus เชื้อนี้เป็นแบคทีเรียรูปแท่ง แกรมลบ ไม่สร้างสปอร์จัดอยู่ในตระกูล Vibrionaceae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับเชื้อ Vibrio cholerae ที่ก่อโรคอหิวาตกโรค จึงเรียกว่า โรคอหิวาต์เทียม เชื้อนี้พบได้ทั่วไปในน้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมถึงสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ เช่น หอย กุ้ง ปู ปลาหมึก ทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหารของมนุษย์ การติดเชื้อส่วนมากเกิดจากการรับประทานอาหารทะเลดิบหรือไม่ได้ปรุงสุก มีส่วนน้อยที่ได้รับเชื้อนี้เข้าทางบาดแผลเมื่อลงเล่นน้ำทะเลซึ่งกรณีนี้จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง เมื่อคนรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อนี้เข้าไปจะทำให้เกิดท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้หนาวสั่น มักพบอาการปวดบริเวณลำตัวร่วมด้วย โดยทั่วไปจะแสดงอาการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ โดยปกติอาการต่างๆ จะหายได้เองภายใน 3 วัน อาการป่วยรุนแรงไม่ค่อยพบในคนปกติแต่สามารถพบได้ในผู้ที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน มีรายงานผู้ที่เกิดโรคจากเชื้อนี้ปีละประมาณ 4,500 รายในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เชื่อว่าตัวเลขนี้ต่ำกว่าอุบัติการจริงเนื่องจากความซับซ้อนในการตรวจวินิจฉัยและอาการของโรคคล้ายคลึงกับโรคทางทางเดินอาหารอื่นๆ 
อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่ติดเชื้อชนิดนี้อาการจะหายได้เองภายใน 3 วัน การรักษาด้วยยาต้านจุลชีพอาจไม่จำเป็น เนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันว่ายาต้านจุลชีพลดความรุนแรงของโรคหรือระยะเวลาของโรคที่เกิดได้ ผู้ป่วยควรได้รับสารน้ำทดแทนที่สูญเสียไปเนื่องจากท้องเสียหรืออาเจียน ในรายที่มีอาการรุนแรงสามารถใช้ยาต้านจุลชีพ เช่น tetracycline หรือ ciprofloxacin ได้ อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันการติดเชื้อได้โดยการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ส่วนการติดเชื้อทางบาดแผลก็สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงลงเล่นน้ำทะเลจนกว่าแผลจะหาย 
จะเห็นได้ว่าปกติเชื้อ V. parahaemolyticus จะพบในอาหารทะเลเท่านั้น ในกรณีของการตรวจพบเชื้อชนิดนี้ในเลือดไก่ที่นำมาใส่ในข้าวมันไก่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่พบว่า มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ในเลือดไก่ไม่ใช่อาหารทะเล ซึ่งยังไม่ทราบว่าเชื้อนี้มาปนเปื้อนในเลือดไก่ได้อย่างไร อย่างไรก็ตามผู้บริโภคสามารถรับประทานข้าวมันไก่ได้ตามปกติ และควรเลือกร้านที่นำเลือดไก่ไปต้มสุกก่อนที่มาปรุงเพื่อจำหน่าย โดยสังเกตลักษณะเลือด หากยังคงมีสีแดงและหยุ่นนุ่มตรงกลางควรหลีกเลี่ยงการบริโภค หรือผู้บริโภคที่ซื้อเลือดไก่มาจากตลาดควรนำมาต้มให้สุกอีกรอบก่อนรับประทาน เนื่องจากเชื้อนี้เป็นเชื้อที่ไม่ทนความร้อน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ต้มที่อุณหภูมิไม่น้อยกว่า 75 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที ก็สามารถทำลายเชื้อ V. parahaemolyticus ได้แล้ว


 

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. Baffone W, Casaroli A, Campana R, Citterio B, Vittoria E, Pierfelici L, Donelli G (2005). "In vivo studies on the pathophysiological mechanism of Vibrio parahaemolyticus TDH(+)-induced secretion". Microb Pathog 38 (2–3): 133–7.
  2. http://www.cdc.gov/vibrio/vibriop.html. January 15, 2015.
  3. http://www.riskcomthai.org/th/news/mass-media-detail.php?id=29520. January 15, 2015

บทความที่ถูกอ่านล่าสุด

ยาเม็ดโปแทสเซียมไอโอไดด์ ( ไอโอดีนเม็ด ) (KI) ป้องกันสารกัมมันตรังสี ไอโอดีน 131 1 วินาทีที่แล้ว
กระเทียมดำ 2 วินาทีที่แล้ว
ผลเสียจากการใช้ยาระบายเพื่อควบคุมน้ำหนัก 4 วินาทีที่แล้ว
คอนแทคเลนส์ 5 วินาทีที่แล้ว
เภสัชพันธุศาสตร์ ศาสตร์ใหม่ในการรักษาโรค (Pharmacogenetics and Pharmacogenomics) 6 วินาทีที่แล้ว
สบู่ดำ..พืชพลังงานที่เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ 8 วินาทีที่แล้ว
สุขภาพจิตในภาวะโรคระบาดใหญ่ 9 วินาทีที่แล้ว
โรคจากมลพิษในอาคาร : Stachybotrys (ตอนที่ 2) 10 วินาทีที่แล้ว
สารเคมีในครัวเรือนที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน 12 วินาทีที่แล้ว
เครื่องสำอางนาโน ให้ประโยชน์หรือเป็นอันตราย? 13 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด

เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์
คลังความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
Copyright © 2021 - 2025
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
การใช้และการจัดการคุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา