คลอโรฟีลล์มีประโยชน์จริงหรือ?
พนิดา ใหญ่ธรรมสาร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
96,826 ครั้ง เมื่อ 3 ช.ม.ที่แล้ว | |
2015-01-09 |
คลอโรฟีลล์เป็นสารสีเขียวที่พบได้ในพืชผักทั่วไปและในสาหร่ายสีเขียว (chlorella) สารคลอโรฟีลล์ในธรรมชาติจะอยู่ในรูปของคลอโรฟีลล์ที่ละลายในน้ำมัน ส่วนคลอโรฟีลล์ที่นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะเป็นสารสังเคราะห์ที่มีชื่อว่า โซเดียมคอปเปอร์คลอโรฟีลลิน (Sodium copper chlorophyllin) ซึ่งเป็นการดัดแปลงโครงสร้างคลอโรฟีลล์ตามธรรมชาติ ทำให้ได้สารคลอโรฟีลลินที่ยังคงมีสีเขียวอยู่ แต่มีความคงตัวและสามารถละลายน้ำได้ดี สามารถนำมาผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า คลอโรฟีลล์ ยา และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของคลอโรฟีลล์ มีฤทธิ์ยับยั้งเนื้องอกที่เต้านม ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับ ช่วยเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยลดกลิ่นตัว กลิ่นของอุจจาระ และกลิ่นของปัสสาวะ ช่วยให้รอยแผลบริเวณผิวหนังซึ่งเกิดจากการฉายแสงเพื่อรักษามะเร็งหายเร็วขึ้น และช่วยขับสารพิษ อย่างไรก็ตาม การได้รับคลอโรฟีลล์มากเกินไปอาจเกิดการสะสมและมีผลเสียต่อตับและไตได้
สำหรับข้อมูลด้านความปลอดภัย PDR (Physicians, Desk Reference) for Health มีข้อกำหนดดังนี้
ข้อห้ามใช้: ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้หรือไวต่อสิ่งกระตุ้นที่มีคลอโรฟีลล์และคลอโรฟีลลินเป็นส่วนประกอบ
ข้อควรระวัง: การรับประทานคลอโรฟีลล์และคลอโรฟีลลินเสริมนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และมารดาที่ให้นมบุตร
ผลข้างเคียง: การรับประทานคลอโรฟีลล์และคลอโรฟีลลินเสริม อาจทำให้ปัสสาวะและอุจจาระมีสีเขียว ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเกือบดำ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย นอกจากนี้ยังพบรายงานการเกิดอาการแพ้สารคลอโรฟีลลิน โดยอาจพบผื่นแพ้ขึ้นตามตัว มีอาการเวียนศีรษะ เหงื่อออกมากและความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็วได้
ขนาดที่ใช้: โดยทั่วไปขนาดที่นิยมใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคือ 100 มก./วัน
ในอเมริกากำหนดความปลอดภัยของสารคลอโรฟีลลินในผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารหรือใช้เป็นสีผสมอาหารได้ไม่เกิน 300 มก./วัน สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป สามารถรับประทานคลอโรฟีลลินได้ในขนาด 90 มก./วัน
จากข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวกับคลอโรฟีลล์ และคลอโรฟีลลิน จะเห็นได้ว่าคลอโรฟีลล์มีประโยชน์พอสมควร แต่ในการบริโภคนั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ความปลอดภัย ความจำเป็นที่ต้องใช้คุณภาพและราคา เป็นต้น ซึ่งหากสามารถบริโภคผักใบเขียวได้ คงไม่จำเป็นที่จะต้องบริโภคคลอโรฟีลล์ที่เป็นสารสังเคราะห์ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้ ควรใช้ในขนาดที่เหมาะสม และสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อสุขภาพของตัวท่านเอง
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับคลอโรฟีลล์เพิ่มเติมได้ใน จุลสารข้อมูลสมุนไพรฉบับปีที่ 24 ฉบับที่ 2
-->
![]() |
ผมหงอก ... หัวหงอก ... ผมขาว 1 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ขยับกาย สบายชีวี 2 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ลดความอ้วนและไขมันในเลือดสูงด้วยผักพื้นบ้านไทย 7 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาคุม 24+4: วิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับผู้หญิงไทยยุคใหม่ 8 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
มะตูมซาอุ ผักหลายชื่อ 25 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
เด็กกับมือถือ อันตรายหรือไม่? 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ตาแดง…สัญญาณเตือนภัยใกล้ตัว 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ผลเสียของการไม่บริโภคอาหารคาร์โบไฮเดรต 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
สารพิษจากเชื้อรา อันตรายที่มองไม่เห็น 2 นาทีที่แล้ว |
![]() |
กระบวนการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ 2 นาทีที่แล้ว |
![]() ![]() |
|
ที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานภายในคณะฯ
HTML5 Bootstrap Font Awesome