เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โปรดสละเวลา 1 นาที ในการตอบแบบสอบถามจากเรา Click !!

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


สมุนไพรแก้ไอ


ผศ.ดร.วีณา นุกูลการ อ.ดร.ปองทิพย์ สิทธิสาร ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านแล้ว 245,243 ครั้ง  
ตั้งแต่วันที่ 16/02/2557
อ่านล่าสุด 1 ช.ม.ที่แล้ว

Scan เพื่ออ่านบนมือถือของคุณ
 

การไอ เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายในการกำจัดสารคัดหลั่ง สิ่งระคายเคือง หรือจุลชีพออกจากระบบทางเดินหายใจ ทั้งยังช่วยบ่งบอกถึงโรคและพยาธิสภาพได้หลายอย่าง เช่น โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง กรดไหลย้อน วัณโรค เป็นต้น นอกจากนี้ การไอยังส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสุขภาพจิต บางครั้งการไอมากๆ อาจก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือเหนื่อยหอบได้ 
ปัจจุบัน ยาบรรเทาอาการไอหรือยาแก้ไอที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมักเป็นยาแผนปัจจุบันที่ผลิตจากตัวยาสังเคราะห์ เช่น กลุ่มยาแก้ไอสำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ ได้แก่ ยาขับเสมหะ เช่น glyceryl guaiacolate ยาละลายเสมหะ เช่น bromhexine, ambroxol หรือ acetylcysteine และกลุ่มยาแก้ไอสำหรับอาการไอแห้ง ได้แก่ dextromethorphan, codeine, levodropropizine และ butamirate นอกจากนี้ ยังมียาที่ผลิตจากสมุนไพรที่เป็นยาบรรเทาอาการไอขนานดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณ เช่น ยาแก้ไอน้ำดำ ซึ่งประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ ทิงเจอร์ฝิ่นการบูร ออกฤทธิ์ระงับอาการไอ มีสารสำคัญคือสารอัลคาลอยด์ codeine และสารสกัดชะเอม ทำหน้าที่เคลือบและป้องกันเยื่อบุทางเดินหายใจจากเสมหะและสิ่งระคายเคือง ใช้บรรเทาอาการไอแห้ง หรือการไอแบบมีเสมหะใสในผู้ใหญ่ที่มีการไอบ่อยครั้ง ก่อนใช้ยาต้องเขย่าขวดก่อนใช้ รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือจิบยานี้ทีละน้อยจนหมดตามขนาดการใช้ยา อย่างไรก็ตาม ยาแก้ไอน้ำดำขนาด 180 มิลลิลิตร จัดเป็นตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ซึ่งในร้านยาที่มีการจำหน่ายจะต้องมีเภสัชกร (แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง) เป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการอยู่ สำหรับสมุนไพรที่ใช้สำหรับอาการไอนั้น สามารถแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ คือ 
1.สมุนไพรบรรเทาอาการไอ แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยคือ 
1.1 สมุนไพรเคลือบเยื่อบุทางเดินหายใจ ลดอาการระคายเคือง เช่น น้ำผึ้ง มะนาว มะขามป้อม 
1.2 สมุนไพรที่กดศูนย์ไอในสมอง เช่น ฝิ่น 
2.สมุนไพรขับเสมหะ 

2.1 สมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่น เหง้าขิง ผลดีปลี ดอกกานพลู ผลพริกไทย ต้นกะเพรา 
2.2 สมุนไพรที่มีกรดอินทรีย์ซึ่งมีรสเปรี้ยว ได้แก่ เนื้อฝักมะขามแก่ น้ำมะนาว ผลมะขามป้อม ผลบ๊วย ผลมะนาวดอง 
2.3 สมุนไพรอื่นๆ ที่แสดงฤทธิ์ในการบรรเทาอาการไอได้ดี และมีกลไกการออกฤทธิ์อื่นๆ ได้แก่ ผลมะแว้งเครือ ผลมะแว้งต้น ใบเสนียด เมล็ดเพกา เป็นต้น 

ในสาธารณสุขมูลฐานได้กำหนดรายการสมุนไพรแก้ไอขับเสมหะไว้ดังนี้ 
1.มะแว้งต้น (Solanum indicum) หรือ มะแว้งเครือ (Solanum trilobatum) มีสารสำคัญได้แก่อัลคาลอยด์ solasodine ใช้ผลแก่ที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นสีแดงของมะแว้งต้นหรือมะแว้งเครือ จำนวน 10-20 ผล กินแก้ไอ ขับเสมหะ เด็กใช้ 2-3 ผล ตำกวาดคอ 
2.มะนาว (Citrus aurantifolia) มีสารสำคัญคือ citric acid ใช้น้ำคั้นผลที่มีรสเปรี้ยว 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเกลือเล็กน้อยจิบบ่อยๆ 
3.. มะขาม (Tamarindus indica) มีสารสำคัญในเนื้อฝักมะขามแก่ได้แก่ tartaric acid บรรเทาอาการไอโดยใช้เนื้อฝักแก่จิ้มเกลือรับประทาน หรือคั้นน้ำผสมเกลือจิบ 
4.. มะขามป้อม (Phyllanthus emblica) ใช้เนื้อผลแก่ 2-3 ผล โขลกพอแหลก จิ้มเกลือเล็กน้อย อมหรือเคี้ยว วันละ 3-4 ครั้ง สารสำคัญในมะขามป้อมได้แก่ วิตามินซี 
5.เพกา (Oroxylum indicum) นำเมล็ดเพกา 1/2-1 กำมือ (1.5-3 กรัม) ต้มน้ำเดือด 2 แก้ว (300 มล.) นาน 1 ชั่วโมง กรองเอาแต่น้ำ ดื่มวันละ 3 ครั้ง 
6.ขิง (Zingiber officinale) นำเหง้าขิงแก่มาฝนกับน้ำมะนาว หรือขิงสดตำผสมน้ำและเกลือเล็กน้อย ใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ สารสำคัญในเหง้าขิงได้แก่ น้ำมันหอมระเหย เช่น gingerol และ zingerone อย่างไรก็ตาม ควรระวังการใช้เหง้าขิงในผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin หรือยากลุ่มต้านอักเสบที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ รวมทั้งผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากเหง้าขิงอาจมีผลลดน้ำตาลในเลือด 
7.ดีปลี (Piper longum) เป็นพืชสมุนไพรที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ผลดีปลีแห้ง ?-1 ผล ฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือเล็กน้อย ใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ บรรเทาอาการไอได้ สารสำคัญในดีปลีได้แก่ beta-caryophyllene

สำหรับยาบรรเทาอาการไอ ตามบัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2555 นั้น ได้ระบุตำรับยาสมุนไพรบรรเทาอาการไอไว้ทั้งสิ้น 7 ตำรับ ได้แก่ ยาแก้ไอผสมกานพลู ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาแก้ไอผสมมะนาวดอง ยาแก้ไอพื้นบ้านอีสาน ยาตรีผลา ยาประสะมะแว้ง และ ยาอำมฤควาที โดยพืชสมุนไพรในตำรับดังกล่าวนั้น อาจแบ่งได้เป็นพืชสมุนไพรที่มีกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์ในการเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ช่วยบรรเทาอาการไอ เคลือบเยื่อบุทางเดินหายใจ ลดอาการระคายเคือง เช่น ผลบ๊วย ผลมะนาวดอง ผลมะขามป้อม พืชสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่น ดอกกานพลู เปลือกอบเชย ผิวส้มจีน เหง้าขมิ้นอ้อย ต้นกะเพราแดง ดอกดีปลี เหง้าขิง ผลพริกไทยล่อน ต้นช้าพลู โกฐพุงปลา เทียนขาว ลูกผักชีลาว และสมุนไพรกลุ่มอื่นๆ เช่น รากชะเอมเทศ รากชะเอมไทย ใบเสนียด ผลมะแว้งต้น ผลมะแว้งเครือ 
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาตำรับบรรเทาอาการไอที่มีอยู่ในบัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2555 นั้น ก็มีข้อควรระวังบางประการ ได้แก่ ในตำรับที่มีมะขามป้อม เช่น ตำรับยาแก้ไอผสมกานพลู ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาแก้ไอผสมมะนาวดอง ยาแก้ไอพื้นบ้านอีสาน ยาตรีผลา และ ยาอำมฤควาที มีข้อควรระวังอาการท้องเสีย ตำรับที่มีรากชะเอมเทศ เช่น ยาแก้ไอผสมกานพลู ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาแก้ไอผสมมะนาวดอง ยาแก้ไอพื้นบ้านอีสาน และยาอำมฤควาที ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เนื่องจากการบริโภครากชะเอมเทศต่อเนื่องกันเป็นเวลานานอาจมีผลทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ และเพิ่มความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยตับแข็ง ผู้ป่วยที่ใช้ยา prednisolone ยาขับปัสสาวะ หรือยานอนหลับกลุ่ม benzodiazepine ควรระวังการใช้ยาที่มีรากชะเอมเทศประกอบอยู่ บางตำรับ เช่น ยาแก้ไอผสมกานพลู ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาแก้ไอพื้นบ้านอีสาน มีส่วนประกอบของน้ำตาล หรือน้ำผึ้ง ดังนั้น จึงควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่ควบคุมน้ำหนัก และบางตำรับ เช่น ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม ยาประสะมะแว้ง ยาอำมฤควาที นั้นมีส่วนผสมของเกลือแกง หรือมีการใช้น้ำมะนาวแทรกเกลือเป็นน้ำกระสายยา จึงควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณเกลือในร่างกาย 
สมุนไพรและตำรับยาสมุนไพรดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ออกฤทธิ์เพียงบรรเทาอาการไอ มิได้มีผลในการรักษาสาเหตุของการไอ ดังนั้น การกำจัดที่สาเหตุของอาการไอ โดยการรักษาโรคหรือพยาธิสภาพที่เป็นสาเหตุ หรือปรับพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการไอ จึงเป็นแนวทางในการรักษาอาการไอที่ดีที่สุด

 

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. ยาและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เล่ม 2. 2536
  2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. บัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2555. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2555.
เปิดอ่านด้วย Google Doc Viewer ดาวน์โหลดบทความ (pdf) ดูบทความอื่นๆ

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้


บทความที่ถูกอ่านล่าสุด


สมุนไพรแก้ไอ 1 วินาทีที่แล้ว
9 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด



ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์บทความ:
บทความในหน้าที่ปรากฎนี้สามารถนำไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทั้งนี้การนำไปทำซ้ำนั้นยังคงต้องปรากฎชื่อผู้แต่งบทความ และห้ามตัดต่อหรือเรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้ใหม่โดยเด็ดขาด และกรณีที่ท่านได้นำบทความนี้ไปใช้ในเว็บเพจของท่าน ให้สร้าง Hyperlink เพื่อสร้าง link อ้างอิงบทความนี้มายังหน้านี้ด้วย

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ดูเบอร์ติดต่อหน่วยงานต่างๆ | ดูข้อมูลการเดินทางและแผนที่

เว็บไซต์นี้ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2024
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้