Knowledge Article


โกรทฮอร์โมน ยาต้านความชรา?


รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.พิมลพรรณ พิทยานุกุล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก : http://aucklandmobilebeauty.net/yahoo_site_admin/assets/images/
Elderly-hands2.7231306_std.jpg
67,491 View,
Since 2017-04-19
Last active: 3m ago
https://tinyurl.com/28r662xj
Scan to read on mobile device
 
A - | A +
ริ้วรอยบนหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม และถุงใต้ตาบนใบหน้าคือสัญลักษณ์ของคนมีอายุ นอกจากนั้นยังพบริ้วรอยตามผิวหนังลำตัว มือ แขน ขา และตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดด ความร้อน อากาศทั้งที่แห้งและร้อนชื้น



ภาพจาก : http://aucklandmobilebeauty.net/yahoo_site_admin/assets/images/

Elderly-hands2.7231306_std.jpg


ยาต้านความชรา

เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียกหา มีการวิจัยพบว่าร่างกายของคนเรา ตอนที่เป็นเด็กจะมีฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตซึ่งเรียกว่า โกรทฮอร์โมน (Human Growth Hormone) เป็นฮอร์โมนที่สร้างขึ้นจากต่อมใต้สมอง ฮอร์โมนชนิดนี้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างมวลกระดูก ช่วยย่อยน้ำตาลและไขมัน ส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย พอถึงวัยกลางคน ปริมาณการผลิตฮอร์โมนจากต่อมจะลดลง และเมื่ออายุสูงวัยขึ้นตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป ฮอร์โมนชนิดนี้จะลดลงเหลือเพียง 20% ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนยาน กล้ามเนื้อเหลว ไขมันลงพุง ความสดใสหรือกระปรี้กระเปร่าหดหาย ความเครียดความกังวลเข้าแทนที่ ผิวหนังซีด กระดูกบาง นอนไม่หลับ ฯลฯ

เนื่องจากประโยชน์ของโกรทฮอร์โมน จึงมีการคิดค้นและสังเคราะห์ฮอร์โมนเลียนแบบธรรมชาติขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาคนป่วยที่ร่างกายบกพร่องในการสร้างโกรทฮอร์โมนแต่กำเนิด ทำให้ร่างกายไม่สมส่วน แขนขามีกล้ามเนื้อลีบ รูปร่างแคระแกรน

โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์

ได้รับการยอมรับจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ให้ใช้รักษาคนป่วยที่ร่างกายบกพร่องในการสร้างฮอร์โมนชนิดนี้แต่กำเนิด หรือในคนป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจำเป็นต้องได้รับโกรทฮอร์โมน อย่างไรก็ตามพบว่าในสหรัฐอเมริกา มีการนำโกรทฮอร์โมนมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ถึง 30% โดยถูกนำมาใช้สำหรับเป็นยาอายุวัฒนา ชะลอวัยในผู้นสูงอายุ เนื่องจากโกรทฮอร์โมนจะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก และกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวหนังเต่งตึง ไม่หย่อนยาน และรู้สึกกระปี้กระเป่าหลังได้รับโกรทฮอร์โมน อารมณ์แจ่มเฉกเช่นหนุ่มสาว

อาการข้างเคียงของการใช้โกรทฮอร์โมน

ความพยายามที่จะนำโกรทฮอร์โมนมาเป็นยาต้านความชราในคนที่สุขภาพแข็งแรง ร่างกายไม่เป็นโรคนั้น มีโทษมากกว่าคุณ เพราะจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย เช่น
  • ทำให้เกิดโรคเบาหวาน
  • เกิดมะเร็งลำไส้
  • เกิดโรคหัวใจ
  • ทำให้แขน ขา บวม
  • ทำให้ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ
  • ผู้ชายที่ได้รับโกรทฮอร์โมน จะมีกล้ามเนื้ออกหรือเต้านมขยายใหญ่
ยาชนิดนี้ในปัจจุบันจะมีการผลิตออกมาเป็นเม็ด เพื่อความสะดวกสำหรับการกิน จะพบโฆษณาตามอินเตอร์เนท ยาชนิดนี้ถูกจัดประเภทเป็นยาควบคุม ไม่อนุญาตให้ใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับเป็นยาต้านความชรา แม้แต่คลินิกแพทย์ที่จ่ายยาชนิดนี้ให้คนไข้ด้วยวัตถุประสงค์ของการชะลอวัย ถือว่าผิดกฎหมาย

นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า หากเราต้องการให้ร่างกายได้รับโกรทฮอร์โมนเพิ่มขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ให้ร่างกายและจิตใจเป็นหนุ่มเป็นสาว เราสามารถช่วยตัวเราเองได้โดยการจัดโปรแกรมสำหรับกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเอง คือ ต้องเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ เช่น
  1. ให้เวลาสำหรับการนอนหลับพักผ่อนที่มากเพียงพอทุกวันอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
  2. เลิกกินอาหารจานด่วน อาหารขยะที่เต็มไปด้วยน้ำตาล ไขมันและแป้ง รวมทั้งให้เลิกพฤติกรรมการชอบซื้อและกินอาหารกล่องสำเร็จรูป อาหารถุง หรืออาหารแช่แข็งจากซุปเปอร์มาร์เก็ต
  3. ออกกำลังกายให้มากเพียงพอ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงเพื่อตามแฟชั่น
  4. เลิกเหล้าหรืออัลกอฮอล และบุหรี่
  5. พยายามเลิกกินยาสารพัดชนิดมากมายโดยไม่มีเหตุอันจำเป็น เพราะยาเหล่านั้นคือเคมีทั้งหลายที่จะทำลายตับไตและตับอ่อนเราได้
  6. ลดความเครียดจากภาระงานในแต่ละวันด้วยวิธีต่างๆตามแต่ความชอบ เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ
  7. รับประทานอาหารเสริมที่ผ่านการวิจัยที่น่าเชื่อถือ เช่น เช่น แคลเซี่ยมเพื่อเสริมกระดูก ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว ผลไม้สด เป็นต้น
พบว่าผู้ที่สามารถควบคุมตนเองให้เปลี่ยนวิธีดำเนินชีวิตเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สามารถบังคับตนเองให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเห็นผลชัดเจนเพียงไม่กี่เดือนว่า ผิวพรรณเต่งตึง สภาพจิตใจสดใส ไม่หดหู่ ระบบขับถ่ายดี สุขภาพแข็งแรง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการกระตุ้นการให้ร่างกายสร้างโกรทฮอร์โมนเองโดยไม่ต้องกินยาหรือฉีดยาเข้าสู่กระแสเลือด ไม่ต้องพึ่งเข้มฉีดยา ไม่มีความเสี่ยงกับการเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย

คนเราไม่สามารถที่จะเพียงแต่คิดอยากเป็นหนุ่มเป็นสาวและไม่อยากแก่ด้วยการไปพบแพทย์ที่คลินิค ให้แพทย์จ่ายยา ฉีดยา ลอกหน้าให้ใส หรือดึงหน้าร้อยไหมให้ตึงหรืออื่นๆ เพราะสภาพจิตใจไม่ได้ดีขึ้นด้วย ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่สัมพันธ์กัน

นักวิทยาศาสตร์พบว่า คนที่สุขภาพแข็งแรงคือผู้ที่โดยอัตโนมัติอยู่ในโปรแกรมของการชะลอวัย ทำให้มีอายุยืนยาว ชาวตะวันตกในประเทศที่เจริญมากๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จะพบว่าชาวอเมริกันทุกวันนี้จะเรียกได้ว่าอยู่ในโปรแกรม “เร่งความชราภาพ” ไม่ใช่ชะลอความชราภาพ เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงหรือผัดผ่อนการออกกำลังกาย กินอาหารจานด่วนและอาหารขยะเป็นประจำ กินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลปริมาณมาก บางคนอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่ทำงานมากเกินพอดี มีเวลาพักผ่อนน้อยเกินไป เกิดความเครียด แต่พยายามดูแลตนเองด้วยการกินไวตามินและอาหารเสริมเป็นกำมือเพราะคิดว่าจะช่วยชะลอวัยได้ ความจริงพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการดำเนินชีวิตที่อยู่ในโปรแกรม “เร่งความชราภาพ” โดยไม่รู้ตัว

ทุกท่านลองพิจารณาตนเองดูว่า ท่านอยู่ในโปรแกรมแบบไหน “เร่งให้ตัวเองแก่เร็ว” หรือไม่? แต่พยายามถามหาและเรียกร้องเทคโนโลยีของการชะลอความแก่!

เอกสารอ้างอิง
  1. Melmed GY, Devlin SM, Vlotides G, Dhall D, Ross S, Yu R, Melmed S. Anti-aging therapy with human growth hormone associated with metastatic colon cancer in a patient with Crohn's colitis. Clin Gastroenterol Hepatol; 2008, 6(3):360-3.
  2. Human growth hormone (HGH): Does it slow aging? http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/healthy-aging/in-depth/growth-hormone/
  3. Human Growth Hormone (HGH) Directory. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/human-growth-hormone-hgh-directory
Others articles

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้

Public Knowledge Articles



View all articles
-->

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

Faculty of Pharmacy, Mahidol University.

447 Sri-Ayuthaya Road, Rajathevi, Bangkok 10400, THAILAND
Designed & Developed by Department of Information Technology, Faculty of Pharmacy, Mahidol University.
Copyright © 2013-2020
 

We use Cookies

This site uses cookies to personalise your experience and analyse site traffic. By Clicking ACCEPT or continuing to browse the site you are agreeing to our use of cookies.