คำตอบ
วิตามินอี มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน (Recommended Dietary Allowance, RDA) ในผู้ใหญ่ เท่ากับ 15 มิลลิกรัม (22.4 IU) ซึ่งตามปกติร่างกายได้รับในปริมาณที่เพียงพอจากการทานอาหารอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่มีภาวะขาดวิตามินอีหรือใช้ป้องกันโรคบางชนิด สามารถใช้ได้ในปริมาณที่สูงขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 1000 มิลลิกรัม (1,500 IU) ต่อวัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง โดยเฉพาะเมื่อทานในขนาดสูง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดศีรษะ ตาพร่า เกิดผื่นคันและเกิดแผลฟกช้ำ เป็นต้น
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าการรับประทานวิตามินอีจะสามารถรักษาแผลเป็นหรือรอยด่างดำบนผิวได้ แต่เชื่อว่าวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้น เมื่อรับประทานควบคู่กับวิตามินซี อาจช่วยลดการทำลายเซลล์ที่เกิดจากรังสียูวี ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยด่างดำบนผิวหนังได้
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายมนุษย์ คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักในเนื้อเยื่อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง เมื่อรับประทานคอลลาเจน คอลลาเจนจะถูกย่อยในทางเดินอาหารได้เป็นกรดอะมิโนก่อนจะดูดซึมเข้าร่างกาย เช่นเดียวกับการรับประทานโปรตีนชนิดอื่นๆ หากร่างกายไม่นำกรดอะมิโนเหล่านั้นมาสร้างเป็นคอลลาเจน การรับประทานคอลลาเจนอาจไม่ส่งผลใดๆ หรือส่งผลน้อยมากต่อริ้วรอยและแผลเป็น โดยการทดสอบประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยและแผลเป็นของคอลลาเจนแต่ละตัวจำเป็นต้องมีการทำการศึกษาทางคลินิก ความรู้เพิ่มเติมสำหรับเรื่องนี้ สามารถอ่านได้ที่
https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/QA_full.php?id=3431
Key words: Vitamin E, dosage, oral intake, skin benefit, collagen, วิตามิน อี, คอลลาเจน, ผิวพรรณ, ริ้วรอย
Reference:
1. Dietary Supplement Fact Sheet: Vitamin E [Online: http://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminE-HealthProfessional/] cited on July 5, 2013.
2. Vitamin E [Online: http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-954-VITAMIN%20E.aspx?activeIngredientId=954&activeIngredientName=VITAMIN%20E] cited on July 5, 2013.
Keywords:
-