Antipsychotic Use May Increase Venous Thromboembolism Risk
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 1 เดือน ตุลาคม ปี 2553 -- อ่านแล้ว 1,621 ครั้ง
จากรายงานการศึกษารูปแบบ nested case-control study พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับ antipsychotic drugs จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด venous thromboembolism (VTE) ภายใน 24 เดือนคิดเป็นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับ antipsychotic drugs โดยความเสี่ยงนี้จะพบมากในผู้ป่วยที่เริ่มได้รับยา และส่วนใหญ่จะเป็นการได้รับยาในกลุ่ม atypical antipsychotics
การศึกษาได้รวบรวมผู้ป่วยที่อายุระหว่าง 16 ถึง 100 ปีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น VTE ระหว่างเดือนมกราคม 1996 ถึงกรกฎาคม 2007 อายุเฉลี่ยของผู้ที่ทำการศึกษาคือ 67 ปี โดยในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น VTE พบผู้ป่วยร้อยละ 8.3 มีการได้รับ antipsychotic drugs มาก่อน โดยยาที่มีการสั่งใช้มากที่สุดคือ prochlorperazine โดยถูกสั่งใช้ร้อยละ 75 ของผู้ที่ได้รับ antipsychotic drugs ส่วนยาตัวอื่นที่มีการสั่งใช้ ได้แก่ risperidone, haloperidol, olanzapine, chlorpromazine, trifluoperazine และ quetiapine
จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เริ่มใช้ antipsychotic drugs จะมีความเสี่ยงต่อการเกิด VTE มากกว่ากลุ่มที่มีการใช้ยาอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการใช้ยาในกลุ่ม atypical drugs ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด VTE มากกว่ากลุ่มที่ได้รับ conventional drugs (adjusted odds ratio [AOR] เท่ากับ 1.73 เทียบกับ 1.28) และการได้รับยาในกลุ่ม low potency drugs จะเพิ่มความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับ high potency drugs (AOR 1.99 เทียบกับ 1.28) และหากพิจารณาในยาแต่ละตัวพบว่า quetiapine จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด VTE มากที่สุด รองลงมาคือ haloperidol และ chlorpromazine (AORs เท่ากับ 2.81, 2.17 และ 1.77 ตามลำดับ)
อย่างไรก็ตาม ผู้ทำการศึกษาสรุปว่าความเสี่ยงต่อการเกิด VTE ยังขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงในแต่ละบุคคล ในทางปฏิบัติบุคลากรทางการแพทย์ที่จะทำการรักษาจึงต้องคำนึงถึงผลเสีย และประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับก่อนที่จะเริ่มให้ยาเสมอ