US FDA ยังคงติดตามและทำการศึกษาต่อเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา Clopidogrel
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือน มกราคม ปี 2552 -- อ่านแล้ว 2,337 ครั้ง
26 มกราคม : US FDA แจ้งว่าจะยังคงติดตามและทำการศึกษาต่อเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา Clopidogrel (Plavix®, Bristol-Myers Squibb/Sanofi-Aventis) ในผู้ป่วยที่ได้รับยาอื่นรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะยาในกลุ่ม proton-pump inhibitors (PPIs) รวมถึง ผู้ป่วยที่มี genetic variants ทำให้ไม่ตอบสนองต่อยา clopidogrel และมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเกิดผลข้างเคียงในระบบหัวใจและหลอดเลือด
จากรายงานการวิจัย 2 ฉบับ ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนที่ผ่านมา พบว่า ความผิดปกติในยีน CYP2C19 สัมพันธ์กันอย่างมากกับการกลับเป็นซ้ำของภาวะหลอดเลือดอุดตัน (recurrent thrombotic coronary events) ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยา Clopidogrel ความผิดปกติของยีนดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย พบเห็นได้ใน 30% ของคนยุโรป 40% ของคนอัฟริกัน และมากกว่า 50% ในคนเอเชีย จนน่าเป็นห่วงว่า ผู้ป่วยจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิด stent thrombosis ถึงแม้จะได้รับยา Clopidogrel อยู่แล้วก็ตาม
ก่อนหน้านี้ US FDA เคยแจ้งเตือนว่า PPIs อาจมีผลต่อประสิทธิภาพของยา Clopidogrel โดยการยับยั้งเอนไซม์ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนตัวยา Clopidogrel ให้อยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ได้ ถึงแม้ว่าการศึกษาบางส่วนไม่ได้ยืนยันผลที่แน่ชัด แต่ PPIs ก็เป็นยาที่มักให้ร่วมกันกับ Clopidogrel เพราะเชื่อว่ายาต้านการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด (antiplatelet) อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหารได้
Sanofi-Aventis และ Bristol-Myers Squibb ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับ US FDA เพื่อศึกษาถึงประสิทธิภาพของยา และปัจจัยทางพันธุกรรมหรือยาอื่น(โดยเฉพาะ PPIs) ว่ามีผลอย่างไรต่อยา Clopidogrel ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาอีกนานหลายเดือนกว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จ US FDA ให้คำแนะนำว่า ในระหว่างนี้ ผู้ป่วยควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง ขณะเดียวกัน แพทย์จะต้องทบทวนว่า มีความจำเป็นหรือควรให้ยา PPIs เช่น Omeprazole ในผู้ป่วยที่ได้รับยา Clopidogrel หรือไม่