Anticoagulants อาจมีผลเสียมากกว่าประโยชน์ในผู้ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือน กุมภาพันธ์ ปี 2568 -- อ่านแล้ว 133 ครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้นลิ้นหัวใจจะเริ่มแข็งตัว มีหินปูนเกาะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้ การเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (transcatheter aortic valve implantation, TAVI) เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบอย่างรุนแรง ซึ่งลิ้นหัวใจเอออร์ติก คือ ลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายกับหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา โดยการรักษาด้วย TAVI ช่วยลดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเปิดช่องอก และใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลน้อย ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ได้รับรักษาด้วย TAVI มักมีโรคร่วมที่จำเป็นต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) โดยการหยุดยาต้านการแข็งตัวของเลือดก่อนรักษาด้วย TAVI อาจเพิ่มโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แต่ก็มีข้อมูลว่าการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดต่อขณะทำ TAVI อาจเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเลือดออกได้ ทำให้ยังไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนว่าควรใช้หรือไม่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดสำหรับกรณีนี้
การศึกษา POPular PAUSE TAVI trial เพื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดกับกลุ่มที่หยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดก่อนรักษาด้วย TAVI โดยศึกษาเป็นระยะเวลา 30 วัน นับจากวันที่ทำ TAVI ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular cause), โรคหลอดเลือดสมอง (stroke), กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction), ภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือด (major vascular complications) หรือ ภาวะเลือดออกชนิดรุนแรง (major bleeding) ในกลุ่มที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 71 คน (ร้อยละ 16.5) และกลุ่มที่หยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 63 คน (ร้อยละ 14.8) แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดไม่ได้ลดอัตราการเสียชีวิต (risk difference, 1.7; 95% CI, −3.1 to 6.6; P=0.18 for noninferiority) ทั้งนี้พบการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thromboembolic events) ในกลุ่มที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 38 คน (ร้อยละ 8.8) และ กลุ่มที่หยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 35 คน (ร้อยละ 8.2) ซึ่งไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (risk difference, 0.6; 95% CI, −3.1 to 4.4) ในขณะที่พบการเกิดภาวะเลือดออก (bleeding events) ในกลุ่มที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 134 คน (ร้อยละ 31.1) ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่หยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด 91 คน (ร้อยละ 21.3) อย่างมีนัยสำคัญ (risk difference, 9.8; 95% CI, 3.9 to 15.6) ดังนั้นการหยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดก่อนรักษาด้วย TAVI อาจเป็นแนวทางการรักษาที่เหมาะสมมากกว่า อย่างไรก็ตามการศึกษานี้มีข้อ จำกัดที่ระยะเวลาที่หยุดใช้ยาต้านการแข็งตัวก่อนรักษาด้วย TAVI ของยาแต่ละตัวแตกต่างกัน รวมทั้งภาวะเลือดออกที่อาจเกิดจากการผ่าตัดอาจรบกวนความแม่นยำของผลการศึกษา
เอกสารอ้างอิง
1. van Ginkel DJ, Bor WL, Aarts HM, et al. POPular PAUSE TAVI Investigators. Continuation versus interruption of oral anticoagulation during TAVI. N Engl J Med. 2024.
2. Rodés-Cabau J, Ribeiro HB, Mohammadi S, et al. Transcatheter or Surgical Aortic Valve Replacement in Patients with Severe Aortic Stenosis and Small Aortic Annulus: A randomized clinical trial. Circulation. 2024;149:644-55.