หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี (กลุ่ม direct-acting antivirals)…อาจทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือน มกราคม ปี 2562 -- อ่านแล้ว 4,766 ครั้ง
 

ยาต้านไวรัสตับอักเสบซีกลุ่ม direct-acting antivirals มีบทบาทมากในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง (chronic hepatitis C) มียาในกลุ่มนี้ออกวางจำหน่ายมากมาย แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ (ดูตาราง) ได้แก่ NS3/4A protease inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “previr”), NS5A inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “asvir”) และ NS5B polymerase inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “buvir”) ยาในกลุ่มนี้มีทั้งชนิดที่เป็นยาเดี่ยว เช่น daclatasvir, simeprevir, sofosbuvir และยาสูตรผสม เช่น sofosbuvir/velpatasvir, ledipasvir/sofosbuvir, glecaprevir/pibrentasvir, elbasvir/grazoprevir, sofosbuvir/velpatasvir/voxilaprevir

มีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีกับความชุกของการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) นอกจากนี้การใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี เช่น direct-acting antivirals ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นและมีการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะอินซูลินน้อยลง บางการศึกษายังพบอีกว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ direct-acting antivirals เพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังและมี sustained virological response นั้นบางรายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการใช้ยา จนอาจต้องเปลี่ยนยาหรือลดขนาดยารักษาโรคเบาหวาน เกี่ยวกับเรื่องนี้ในสหภาพยุโรปได้มีการทบทวนข้อมูลและยืนยันถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เริ่มใช้ direct-acting antivirals เพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ขณะนี้ได้ให้ผู้ผลิตเพิ่มข้อมูลความเสี่ยงดังกล่าวลงในเอกสารที่เป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์และเอกสารสำหรับผู้ป่วย พร้อมกันนี้ในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงาน Medicines and Healthcare products Regulatory Agency ได้ให้ข้อมูลและข้อแนะนำสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ไว้ดังนี้

- การลดจำนวนเชื้อไวรัสตับอักเสบซีลงอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ direct-acting antivirals อาจทำให้ glucose metabolism ในผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดได้ดีขึ้น หากใช้ยารักษาโรคเบาหวานในขนาดเดิมอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

- ควรเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยา direct-acting antivirals โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกที่เริ่มใช้ยา และหากจำเป็นอาจต้องเปลี่ยนยาหรือปรับขนาดยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน

- แนะนำผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยา direct-acting antivirals ให้ระวังถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงที่ใช้ยา

- แพทย์ที่เริ่มให้ยา direct-acting antivirals แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ทราบ (เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด)

อ้างอิงจาก

(1) Direct-acting antivirals for chronic hepatitis C: risk of hypoglycaemia in patients with diabetes. Drug Safety Update volume 12, issue 5: December 2018:4; (2) Hum J, Jou JH, Green PK, Berry K, Lundblad J, Hettinger BD, et al. Improvement in glycemic control of type 2 diabetes after successful treatment of hepatitis C virus. Diabetes Care 2017;40:1173-80; (3) Ciancio A, Bosio R, Bo S, Pellegrini M, Sacco M, Vogliotti E, et al. Significant improvement of glycemic control in diabetic patients with HCV infection responding to direct-acting antiviral agents. J Med Virol 2018;90:320-7.

คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี direct-acting antivirals โรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง chronic hepatitis C NS3/4A protease inhibitors NS5A inhibitors NS5B polymerase inhibitors daclatasvir simeprevir sofosbuvir velpatasvir ledipasvir glecaprevir pi
 
คลิปความรู้เรื่องยา

EP.2 เกลือแร่สำหรับท้องเสีย ORS (Oral Rehydration Salts)

ดูคลิปทั้งหมด

ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้