หน่วยคลังข้อมูลยา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี (กลุ่ม direct-acting antivirals)…อาจทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 2 เดือน มกราคม ปี 2562 -- อ่านแล้ว 4,450 ครั้ง
 

ยาต้านไวรัสตับอักเสบซีกลุ่ม direct-acting antivirals มีบทบาทมากในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง (chronic hepatitis C) มียาในกลุ่มนี้ออกวางจำหน่ายมากมาย แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ (ดูตาราง) ได้แก่ NS3/4A protease inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “previr”), NS5A inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “asvir”) และ NS5B polymerase inhibitors (ชื่อยาลงท้ายด้วย “buvir”) ยาในกลุ่มนี้มีทั้งชนิดที่เป็นยาเดี่ยว เช่น daclatasvir, simeprevir, sofosbuvir และยาสูตรผสม เช่น sofosbuvir/velpatasvir, ledipasvir/sofosbuvir, glecaprevir/pibrentasvir, elbasvir/grazoprevir, sofosbuvir/velpatasvir/voxilaprevir

มีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีกับความชุกของการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) นอกจากนี้การใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี เช่น direct-acting antivirals ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นและมีการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะอินซูลินน้อยลง บางการศึกษายังพบอีกว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ direct-acting antivirals เพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังและมี sustained virological response นั้นบางรายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการใช้ยา จนอาจต้องเปลี่ยนยาหรือลดขนาดยารักษาโรคเบาหวาน เกี่ยวกับเรื่องนี้ในสหภาพยุโรปได้มีการทบทวนข้อมูลและยืนยันถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เริ่มใช้ direct-acting antivirals เพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ขณะนี้ได้ให้ผู้ผลิตเพิ่มข้อมูลความเสี่ยงดังกล่าวลงในเอกสารที่เป็นข้อมูลผลิตภัณฑ์และเอกสารสำหรับผู้ป่วย พร้อมกันนี้ในสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงาน Medicines and Healthcare products Regulatory Agency ได้ให้ข้อมูลและข้อแนะนำสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ไว้ดังนี้

- การลดจำนวนเชื้อไวรัสตับอักเสบซีลงอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ direct-acting antivirals อาจทำให้ glucose metabolism ในผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดได้ดีขึ้น หากใช้ยารักษาโรคเบาหวานในขนาดเดิมอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

- ควรเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยา direct-acting antivirals โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกที่เริ่มใช้ยา และหากจำเป็นอาจต้องเปลี่ยนยาหรือปรับขนาดยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน

- แนะนำผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยา direct-acting antivirals ให้ระวังถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงที่ใช้ยา

- แพทย์ที่เริ่มให้ยา direct-acting antivirals แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ทราบ (เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด)

อ้างอิงจาก

(1) Direct-acting antivirals for chronic hepatitis C: risk of hypoglycaemia in patients with diabetes. Drug Safety Update volume 12, issue 5: December 2018:4; (2) Hum J, Jou JH, Green PK, Berry K, Lundblad J, Hettinger BD, et al. Improvement in glycemic control of type 2 diabetes after successful treatment of hepatitis C virus. Diabetes Care 2017;40:1173-80; (3) Ciancio A, Bosio R, Bo S, Pellegrini M, Sacco M, Vogliotti E, et al. Significant improvement of glycemic control in diabetic patients with HCV infection responding to direct-acting antiviral agents. J Med Virol 2018;90:320-7.

คำค้นที่เกี่ยวข้อง:
ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี direct-acting antivirals โรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง chronic hepatitis C NS3/4A protease inhibitors NS5A inhibitors NS5B polymerase inhibitors daclatasvir simeprevir sofosbuvir velpatasvir ledipasvir glecaprevir pi
 
ข่าวยาล่าสุด
    ดูข่าวยาทั้งหมด


หน่วยคลังข้อมูลยา

447 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
 
ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
Copyright © 2013-2020
 
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้