ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน (combined hormonal contraceptive) มีใช้มานานแล้ว มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรรภ์ อย่างไรก็ตาม เป็นที่กังวลของผู้ใช้ยาและบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการสั่งใช้ยาหรือแนะนำการใช้ยาเมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงจากการใช้ยาโดยเฉพาะต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (venous thromboembolism; VTE)
เมื่อไม่นานมานี้ The European Medicines Agency's Committee for Medicinal Products for Human Use (CHMP) ได้เสร็จสิ้นการทบทวนด้านความเสี่ยงของการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมซึ่งมี ethinylestradiol < 50 ไมโครกรัม ที่ผสมกับโปรเจสโตเจน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ พบว่ามีความเสี่ยงดังกล่าวต่ำ กล่าวคือ พบได้ 5-12 รายต่อผู้ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม 10,000 คน ในเวลา 1 ปี เทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ซึ่งพบ 2 รายในแต่ละปี ชนิดของโปรเจสโตเจนในผลิตภัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วย (ดูตารางข้างบน) คณะกรรมการ CHMP ได้รายงานผลสรุปออกมาว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการป้องกันการตั้งครรรภ์ยังคงมีเหนือกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำที่ถือว่ามีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงข้อมูลในเอกสารของผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อช่วยในการตัดสินใจของสตรีที่จะใช้ยา ส่วนบุคลากรทางการแพทย์นั้นควรคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงเดิมที่มีอยู่ในผู้ที่จะใช้ยาก่อนที่จะสั่งใช้ยาหรือแนะนำการใช้ยา และยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมนี้จะห้ามใช้กับสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยงรุนแรงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
อ้างอิงจาก:
(1) Benefits of combined hormonal contraceptives (CHCs) continue to outweigh risks – CHMP endorses PRAC recommendation. EMA/709120/2013. http://www.ema.europa.eu/ema/index.jsp?curl=pages/news_and_events/news/2013/11/news_detail_001969.jsp&mid=WC0b01ac058004d5c1; (2) Combined hormonal contraceptives and venous thromboembolism. WHO Drug Information 2014;28(1):21