ยา diclofenac ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ รวมถึงเป็นยาที่อยู่ในบัญชียาหลักของ 74 ประเทศ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดใกล้เคียงกับ rofecoxib (Vioxx) ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม COX-2 inhibitors ที่ถอนทะเบียนออกจากตลาดไปเนื่องจากการเกิดพิษต่อหัวใจ
จากการศึกษา meta-analysis เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดกับการใช้ยา NSAIDs ได้แก่ rofecoxib, etoricoxib และ diclofenac ผลพบว่าการใช้ยาทั้งสามตัวในขนาดปกติเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม โดย rofecoxib มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 27-45 etoricoxib เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ส่วน diclofenac เพิ่มขึ้น ร้อยละ 38-39 นอกจากนั้น ในกลุ่มที่ใช้ diclofenac ยังพบว่าความเสี่ยงยังเพิ่มสูงขึ้นตามขนาดยาที่สูงขึ้นด้วย
ผลการศึกษาทางคลินิกหนึ่ง ซึ่งทำการศึกษาในกลุ่มคนไข้ที่มีประวัติการเกิด myocardial infarction และใช้ยา NSAIDs จำนวน 43,000 ราย พบว่าในกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 59 ภายในเวลา 1 ปี และร้อยละ 63 ภายในเวลา 5 ปี โดยพบความสัมพันธ์ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และการกลับมาเป็นซ้ำของ myocardial infarction เมื่อใช้ยา NSAIDs ในกลุ่มตัวอย่างดังกล่าว
และจากผลในการศึกษาอื่นๆ พบว่า indomethacin และ meloxicam เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ปานกลาง ส่วน naproxen และ celecoxib เพิ่มความเสี่ยงได้เมื่อใช้ในขนาดสูง แต่ไม่พบว่าเพิ่มความเสี่ยงเมื่อใช้ในขนาดปกติที่วางจำหน่ายในร้านยา
จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาดังกล่าว ผู้ทำการศึกษาจึงแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดที่กำลังใช้ diclofenac อยู่ หยุดใช้ยาและเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับเปลี่ยนการรักษา ส่วนแพทย์ควรตระหนักถึงอันตรายจากการใช้ยากลุ่มนี้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกและข้อ ที่มักใช้ยากลุ่มนี้อยู่เป็นประจำ
Key words: Nonsteroidal anti-inflammatory drugs, NSAIDs, diclofenac, cardiovascular event, risk, โรคหัวใจและหลอดเลือด, ความเสี่ยง, ยาแก้อักเสบ