ผู้ป่วยมีภาวะ G6PD สามารถใช้ยา Clindamycin ได้หรือไม่?

คำตอบ

ภาวะ glucose-6-phosphate dehydrogenase (G6PD) deficiency หรือภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ซึ่งเอนไซม์ G6PD ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงจากการถูกทำลาย การพร่องเอนไซม์นี้ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายและอาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิด hemolytic anemia การใช้ยาบางชนิดในผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD จะกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ง่ายขึ้น เช่น ยาแอสไพริน, dapsone, ยาต้านมาลาเรีย (เช่น primaquine), ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (เช่น sulfamethoxazole), ยาต้านจุลชีพ (เช่น ยากลุ่ม fluoroquinolones, nitrofurantoin) ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าว สำหรับยา clindamycin ไม่มีรายงานถึงการทำให้เม็ดเลือดแดงแตกหรือเกิด hemolytic anemia และไม่มีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD นอกจากนี้มีข้อมูลจากการศึกษาในอดีตเมื่อให้เม็ดเลือดแดงปกติสัมผัสโดยตรงกับยาในความเข้มข้นเทียบเคียงได้กับขนาดยาในคน คือ 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน และวัดการทำงานของเอนไซม์ G6PD พบว่ายาไม่รบกวนฤทธิ์ของเอนไซม์ดังกล่าว Keywords: ภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD, glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency, clindamycin

Reference:
1. Drugs to avoid in G6PD deficiency. http://www.cych.org.tw/pharm/MIMS%20Summary%20Table-G6PD.pdf
2. Clindamycin (systemic): Drug information. Uptodate®. https://www.uptodate.com
3. Barra Viera B. Effect of antimalarial drugs and of clindamycin on erythrocyte metabolism. A review. Rev Inst Med trop S Paulo 1989;31:200-205.

Keywords:
-