Eng |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ .ดร. ภญ. บุญธิดา มระกูล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) คือผิวหนังชั้นนอกสุดของโครงสร้างผิว ประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่หมดอายุซึ่งอยู่ชั้นนอกสุดคือชั้น stratum corneum มีส่วนประกอบของเซลล์ keratinocytes ทำหน้าที่ในการผลิต keratin ซึ่งเป็นสารเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้แก่ผิว ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ผิว และรักษาความชุ่มชื้นให้ชั้นผิว หากเซลล์ผิวหมดอายุความสามารถในการยึดเกาะกันของเซลล์จะลดลง เกิดการสูญเสียน้ำจากผิว และทำให้เซลล์ผิวหลุดลอกออกจากกัน ทั้งนี้หากเซลล์ผิวที่หมดอายุไม่เกิดการหลุดลอกออก โดยเฉพาะอายุที่เพิ่มขึ้นระยะเวลาการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะลดลง อาจส่งผลให้เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และหยาบกร้าน
การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว เป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่หมดอายุแล้วจากบริเวณผิวหน้า สำหรับการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (chemical peeling) คือการใช้น้ำยาเคมีเพื่อผลัดลอกเซลล์ผิว โดยเซลล์ผิวหนังที่มีการแบ่งตัวตลอดเวลาในชั้นหนังแท้และหนังกำพร้าจะเคลื่อนตัวขึ้นมาสู่ผิวหนังชั้นนอกสุด เพื่อทดแทนเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกไป เป็นการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูผิวโดยการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ในชั้นผิว การลอกผิวผลัดเซลล์ผิวโดยใช้สารเคมีมีข้อบ่งชี้ ได้แก่ 1. รักษาความไม่สม่ำเสมอของสีผิวบนใบหน้า เช่น จุดด่างดำ รอยแดง ฝ้าชนิดตื้น 2. รักษาการอักเสบ เช่น สิว โดยลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) ช่วยลดความมันบนใบหน้าและกระชับรูขุมขน 3. รักษารอยแผลเป็น เช่น รอยแผลสิว รอยแผลจากการบาดเจ็บหรือผ่าตัด 4. รักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นในระดับตื้นจนถึงระดับกลาง โดยทั่วไปสารเคมีที่ใช้ในการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวในทางเครื่องสำอาง หรือเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบางชนิด จะเป็นการลอกผิวในระดับ superficial ซึ่งจะเป็นการลอกผิวในชั้น intraepidermal และ dermalepidermal junction สารเคมีที่นิยมนำมาใช้ในการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวได้แก่ กรดผลไม้
กรดผลไม้ (Hydroxy acid) เป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งได้จากการสกัดจากผลไม้ธรรมชาติ เช่น citric acid จากผลไม้พวกส้มมะนาว, malic acid จากแอปเปิ้ล, lactic acid จากนมเปรี้ยว, tartaric acid จากมะขาม, glycolic acid จากน้ำตาลอ้อย เป็นต้น กรดผลไม้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Alpha hydroxy acid (AHA) เช่น glycolic acid, lactic acid, mandelic acid กลุ่ม Beta hydroxy acid (BHA) เช่น salicylic acid และกลุ่ม Poly hydroxy acid (PHA) เช่น gluconolactone, lactobionic acid นอกจากนี้ในการลอกผิวทางการแพทย์ยังมีการใช้สารที่มีความเป็นกรดและได้รับความนิยมนำมาใช้ชนิดอื่น ได้แก่ Alpha keto acid (AKA) เช่น pyruvic acid โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การใช้สารลอกผิวในความเข้มข้นที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความเข้มข้นที่ใช้ในการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนัง โดยทั่วไปสารลอกผิวที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางซึ่งวางจำหน่ายในท้องตลาดจะมีปริมาณของสารลอกผิวในความเข้มข้นต่ำ ได้แก่ 3-10% glycolic acid และ fruit derivative acid เช่น citric acid, tartaric acid และ malic acid อย่างไรก็ตามผู้บริโภคควรมีความระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ข้อควรระวังและการดูแลในการทำหัตถการลอกผิว ได้แก่ ก่อนการลอกผิวควรหลีกเลี่ยงผิวจากแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และก่อนการลอกผิวควรล้างและทำความสะอาดผิวจากเครื่องสำอางให้สะอาด หลังการลอกผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ซับผิวเบาๆ หรือเลี่ยงการขัดถู บริเวณผิวที่มีการลอกผิวให้บำรุงด้วยครีมที่ให้ความชุ่มชื้นสูงๆ หรือกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เช่น ยูเรียครีม หรือวาสลีน หยุดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA หรือกรดวิตามินเอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดและการใช้ครีมกันแดด เป็นต้น
Soleymani T, Lanoue J, Rahman Z. A practical approach to chemical peels: A review of fundamentals and step-by-step algorithmic protocol for treatment. J Clin Aesthet Dermatol. 2018;11(8):21-8.