Eng |
อาจารย์ ดร.ภก. สุรศักดิ์ วิชัยโย ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้อ่านเคยเป็นหรือเคยเห็นคนใกล้ชิดเป็นแบบนี้กันบ้างไหม? บางช่วงที่ต้องใส่ถุงเท้าและรองเท้าทำงานนาน ๆ และมีเหงื่อออกที่เท้ามาก ๆ หลายวันติดต่อกัน จะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีกลิ่นเท้าเหม็น ทั้ง ๆ ที่เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน และเมื่อสังเกตที่ฝ่าเท้าพบว่ามีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ หรือถลอกเป็นปื้น ๆ ร่วมกับอาการกลิ่นเหม็นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น บางคนคิดว่าตัวเองเป็นโรคน้ำกัดเท้าที่เกิดจากเชื้อราจึงหาซื้อยาฆ่าเชื้อรามาทาแต่ก็ไม่หาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อาการเท้าเหม็นที่ว่ามานั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อราแต่เป็นเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งบางครั้งเรียกโรคนี้ว่า “โรคเท้าเป็นรู” หรือ “โรคเท้าเหม็นเป็นรู” ในบทความนี้จึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ว่าเป็นอย่างไร และมียาอะไรบ้างที่ใช้ในการรักษา
โรคเท้าเหม็นจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดได้อย่างไร
โรคเท้าเหม็นจากเชื้อแบคทีเรีย มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “pitted keratolysis (พิต-เต็ด-เคอร์-รา-โท-ไล-สิส)” ตามลักษณะอาการที่พบ นั้นคือ ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้าเป็นรู (pitted = รู หรือ หลุม) เนื่องจากมีการหลุดลอกของผิวหนังชั้นบน (keratolysis = การสลายของผิวหนังชั้นบน) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก โดยเฉพาะกลุ่ม Corynebacterium spp. (โค-ราย-นี-แบค-ที-เรียม) หรือ Kytococcus sedentarius (ไค-โต-คอค-คัส-ซี-เด็น-ทา-เรียส) ซึ่งปกติพบบนผิวหนังของมนุษย์ในปริมาณพอเหมาะ แต่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะอับชื้น โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ดังนั้น ผู้ที่มีเหงื่อออกมากและสวมใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดีหรือไม่รักษาความสะอาดของถุงเท้าและรองเท้า มักส่งเสริมการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวจนก่อให้เกิดโรคที่ฝ่าเท้าได้ โดยเชื้อเหล่านี้สามารถผลิตเอนไซม์ออกมาย่อยสลายผิวหนังชั้นบนจนเกิดเป็นรูหรือหลุม (ดังแสดงในรูปภาพ) โดยเฉพาะฝ่าเท้าบริเวณที่ต้องรับน้ำหนักมาก ๆ แต่มักไม่มีอาการคัน (แตกต่างจากเชื้อราหรือน้ำกัดเท้า) ส่วนกลิ่นเท้าที่เหม็นนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสร้างสารประกอบซัลเฟอร์ (sulfur compounds) ออกมาซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ จึงไม่ต้องกังวลว่าหากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วจะติดมาด้วย
โรคเท้าเหม็นจากเชื้อแบคทีเรีย รักษาอย่างไร
ยาหลักที่ใช้รักษาโรคนี้ ได้แก่ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทาผิวหนัง (ดังแสดงในตาราง) ซึ่งใช้เวลารักษาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ร่วมกับการรักษาความสะอาดและดูแลเท้าด้วยสบู่ที่มียาฆ่าเชื้อ และอาจต้องใช้สารระงับเหงื่อ เช่น 20% aluminium chloride (อะ-ลู-มิ-เนียม-คลอ-ไรด์) ซึ่งมีทั้งชนิดผงโรยเท้าและน้ำยาทาเท้า วันละ 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสวมใส่ถุงเท้าและรองเท้าร่วมด้วย นอกจากนี้ บางกรณีแพทย์อาจจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดรับประทานให้ผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเป็นบริเวณกว้าง หรือใช้ยาทาแล้วไม่หาย แต่ยารับประทานอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากกว่า เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการแพ้ยา เป็นต้น
วิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันการเกิดโรคเท้าเหม็นจากเชื้อแบคทีเรีย
สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วมักเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้น จึงควรดูแลเท้าให้แห้งอยู่เสมอ และปฏิบัติตัวดังนี้
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ผู้อ่านคงเห็นแล้วว่าอาการเท้าเหม็นและเป็นรูนั้นสามารถป้องกันและรักษาได้ หากใครสงสัยว่าตัวเองมีอาการคล้ายโรคนี้ ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง หรือในเบื้องต้นสามารถไปปรึกษาเภสัชกรในร้านยาใกล้บ้าน เพื่อให้ได้รับคำแนะนำหรือส่งต่อผู้ป่วยเข้าสู่การรักษาอย่างเหมาะสม