การติดบุหรี่เกิดได้จากการติดทางจิตใจและการติดทางกาย ซึ่งการติดทางจิตใจเป็นความเคยชินจากการสูบบุหรี่ โดยอาจเกิดการเรียนรู้ว่าเมื่อสูบบุหรี่จะทำให้สมองแล่น ผ่อนคลาย จึงต้องการที่จะสูบบุหรี่ ส่วนการติดทางร่างกายเกิดจากสารในบุหรี่ที่ชื่อว่า “นิโคติน” โดยนิโคตินเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับระบบรางวัลในสมอง ทำให้ผู้สูบมีความสุข คลายกังวล จึงมีการใช้นิโคตินอย่างต่อเนื่อง หากหยุดสูบบุหรี่หรือไม่ได้รับนิโคตินอย่างกะทันหัน จะทำให้เกิดอาการถอนบุหรี่ (withdrawal symptoms) โดยจะมีอาการสำคัญคืออยากสูบบุหรี่ หงุดหงิด กระวนกระวาย ซึมเศร้า กังวล นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงมีการนำนิโคตินมาใช้ช่วยเลิกบุหรี่ หรือที่เรียกว่าการให้นิโคตินทดแทน (nicotine replacement therapy; NRT) โดยเป็นการให้นิโคตินเข้าสู่ร่างกายอย่าง ช้า ๆ และค่อย ๆ ลดขนาดลงจนสามารถเลิกใช้นิโคตินได้ ซึ่งมีข้อดีคือมีโอกาสติดน้อยกว่าการสูบบุหรี่(1, 2)
ในปัจจุบันมีการผลิตนิโคตินทดแทนออกมาในรูปแบบ หมากฝรั่ง แผ่นแปะ สเปรย์พ่นจมูก ยาสูดพ่น และลูกอม แต่ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ หมากฝรั่งนิโคตินและแผ่นแปะนิโคติน(3)
ภาพจาก :
https://assets.apomeds.com/s3r/apomeds/images/Articles/Article5/73e3b6.png
หมากฝรั่งนิโคติน (nicotine gum)
หมากฝรั่งนิโคตินมี 2 ขนาด ได้แก่ 2 มิลลิกรัม และ 4 มิลลิกรัม(3) โดยแนะนำให้หยุดสูบบุหรี่ทันทีเมื่อจะใช้หมากฝรั่งช่วยเลิกบุหรี่ ซึ่งขนาดที่ใช้ขึ้นอยู่กับจำนวนบุหรี่ที่สูบ
หากสูบบุหรี่ไม่เกิน 24 มวน/วันแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งขนาด 2 มิลลิกรัม
หากสูบบุหรี่ 25 มวนขึ้นไป/วันแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งขนาด 4 มิลลิกรัม โดยเคี้ยวเมื่อมีอาการอยากบุหรี่ หรือทุก 1-2 ชั่วโมง แต่ไม่เกินวันละ 30 ชิ้นสำหรับขนาด 2 มิลลิกรัมและไม่เกินวันละ 15 ชิ้นสำหรับขนาด 4 มิลลิกรัม(4) หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
วิธีการใช้(5)
- เคี้ยวหมากฝรั่งช้า ๆจนเริ่มมีรสเผ็ดซ่า
- เมื่อรู้สึกถึงรสเผ็ดซ่าให้หยุดเคี้ยว แล้วนำหมากฝรั่งไปพักไว้ที่กระพุ้งแก้มข้างใดข้างหนึ่ง
- เมื่อรสเผ็ดซ่าหายไปให้นำหมากฝรั่งมาเคี้ยวใหม่
- เคี้ยวหมากฝรั่งจนมีรสเผ็ดซ่าแล้วนำไปพักไว้ที่กระพุ้งแก้มเช่นเดิม สลับกันไป ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- ห่อหมากฝรั่งด้วยกระดาษให้มิดชิดก่อนทิ้ง เพื่อป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงนำไปเคี้ยวและอาจเกิดอันตรายได้จากนิโคตินที่ค้างอยู่ในหมากฝรั่ง
ข้อควรระวังและข้อแนะนำ(4, 5)
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด เช่น กาแฟ น้ำส้ม น้ำอัดลม 15 นาทีก่อนเคี้ยวหมากฝรั่ง เนื่องจากทำให้การดูดซึมนิโคตินลดลง
- ควรกลืนน้ำลายช้า ๆ ไม่กลืนน้ำลายมากเกินเพื่อลดการระคายเคืองทางเดินอาหาร
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีปัญหาทางทันตกรรม, แผลในทางเดินอาหาร
แผ่นแปะนิโคติน (nicotine patch)
แผ่นแปะนิโคตินในประเทศไทยมีขนาดที่จำหน่ายอยู่ได้แก่ 17.5 มิลลิกรัม 35 มิลลิกรัมและ 52.5 มิลลิกรัม ซึ่งจะปลดปล่อยนิโคติน 7 มิลลิกรัม 14 มิลลิกรัม และ 21 มิลลิกรัมต่อวันตามลำดับ(6-8) โดยแนะนำให้หยุดบุหรี่เมื่อต้องการใช้แผ่นแปะนิโคตินเช่นเดียวกันกับหมากฝรั่ง ติดแผ่นแปะทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงแม้ว่าจะอาบน้ำหรือนอน เปลี่ยนแผ่นใหม่ในเวลาเดียวกันของทุกวัน หากมีอาการนอนไม่หลับให้นำแผ่นแปะออกก่อนนอนและแปะแผ่นใหม่เมื่อตื่นนอน หรือแปะแผ่นแปะวันละ 16 ชั่วโมง(5) ขนาดที่แนะนำให้ใช้ขึ้นกับจำนวนบุหรี่ที่สูบโดย
หากสูบบุหรี่น้อยกว่า 20 มวน/วัน ใช้ขนาด 14 มิลลิกรัม/วัน 3-4 สัปดาห์ แล้วตามด้วย 7 มิลลิกรัม/วัน 3-4 สัปดาห์หากสูบบุหรี่มากกว่า 20 มวน/วัน ใช้ขนาด 21 มิลลิกรัม/วัน 3-4 สัปดาห์ ตามด้วย 14 มิลลิกรัม/วัน 3-4 สัปดาห์ และต่อด้วย 7 มิลลิกรัม/วัน 3-4 สัปดาห์(4)
วิธีการใช้(5)
- ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
- ลอกแผ่นใสที่คลุมส่วนเหนียวที่มีตัวยาอยู่ออก
- ติดแผ่นแปะในบริเวณที่ไม่มีขน ไม่มีบาดแผล โดยติดระหว่างบริเวณคอและสะโพก หรือต้นแขนด้านนอก
- กดแผ่นไว้ประมาณ 10 วินาทีเพื่อให้แผ่นติดแน่น
- ล้างมือให้สะอาด
ข้อควรระวังและข้อแนะนำ(5)
- หลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บริเวณที่ต้องการแปะแผ่น เนื่องจากทำให้แผ่นติดที่ผิวหนังไม่ดี
- ควรเปลี่ยนตำแหน่งที่ติดทุกวันเพื่อลดการระคายเคือง
จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่านิโคตินถูกนำมาใช้เป็นสารช่วยในการเลิกบุหรี่ โดยนิโคตินทดแทนทั้ง 2 รูปแบบมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ซึ่งหมากฝรั่งนิโคตินมีข้อดีคือ ให้ความรู้สึกคล้ายกับการสูบบุหรี่ สามารถปรับขนาดการใช้ได้ง่ายแต่ก็จำเป็นต้องเคี้ยวบ่อยตลอดทั้งวัน ส่วนแผ่นแปะนิโคตินมีข้อดีคือ สามารถใช้ได้สะดวกแปะวันละ 1 ครั้ง ลดอาการอยากบุหรี่ในตอนเช้า สามารถแปะใต้ร่มผ้าได้ทำให้ไม่เป็นจุดสังเกต แต่ก็มีข้อเสียคือไม่สามารถปรับขนาดได้ อาจระคายเคืองผิว ซึ่งการเลือกใช้นิโคตินทดแทนแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับความสะดวกและความพึงพอใจของผู้ใช้ อย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้นิโคติน(4)