Loading…

ยารักษาโรคเบาหวานกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ยารักษาโรคเบาหวานกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

นศภ. ปาณิสรา อุทัยสินศักดิ์ นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (สอบทานความสมบูรณ์และถูกต้อง : อาจารย์ ดร.ภก. สุรศักดิ์ วิชัยโย)

48,933 ครั้ง เมื่อ 1 ช.ม.ที่แล้ว
2020-06-15


ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากร่างกายมีระดับกลูโคสในเลือดต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) โดยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย และในบางกรณีอาจเกิดความรุนแรงถึงขั้นพิการและเสียชีวิตได้หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที ดังนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ[1,2] 
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมีอาการอะไรบ้าง 
อาการที่อาจพบจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่ ใจสั่น รู้สึกหิว เหงื่อออก มือสั่น กระสับกระส่าย คลื่นไส้ และชา เป็นต้น ส่วนกรณีที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรงอาจเกิดอาการอ่อนเพลีย มึนงง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ง่วงซึม หลงลืม เกิดอัมพฤกษ์ครึ่งซีก หมดสติ และชักได้จากการที่สมองขาดกลูโคส[1,2] 
ยารักษาโรคเบาหวานตัวไหนบ้างที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ 
ยารักษาโรคเบาหวานที่มีรายงานการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมากที่สุด คือ ยาฉีดอินซูลิน (insulin) และยารับประทานกลุ่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนในร่างกาย (ตารางที่ 1) โดยเฉพาะยาในกลุ่มซัลโฟนีลยูเรีย (sulfonylureas) ซึ่งยา glibenclamide อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมากที่สุดในกลุ่มนี้ เนื่องจากเป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้นาน[3] และยากลุ่มที่ไม่ใช่ซัลโฟนีลยูเรีย เช่น repaglinide และ nateglinide เป็นต้น ในขณะที่ยากลุ่มอื่นนั้นมีโอกาสทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำน้อยกว่า (ตารางที่ 1) แต่สามารถเกิดได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากใช้ร่วมกับยาฉีดอินซูลินหรือยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน[1,2,4] 
 
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากยารักษาโรคเบาหวานเกิดได้อย่างไร 
เมื่อผู้ป่วยได้รับยาฉีดอินซูลินหรือยากลุ่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินเข้าไปในร่างกายจะทำให้มีระดับของอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่งทำให้ตับสร้างน้ำตาลกลูโคสลดลง และเพิ่มการเก็บกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้สร้างพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง ทั้งนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่เกิดจากยารักษาโรคเบาหวานนั้น ขึ้นกับชนิดของยา ขนาดยา (ขนาดสูงขึ้นอาจเสี่ยงมากขึ้น) หรือการได้รับยาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม รวมถึงมีการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าปกติ หรือมีการออกกำลังกายมากกว่าปกติระหว่างที่ใช้ยา[5,6] 
การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

  1. รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างครบถ้วนและตรงเวลา[1] โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับยาฉีดอินซูลินและยา กลุ่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งยาแต่ละชนิดถูกออกแบบวิธีการรับประทานมาให้เหมาะสมกับการออกฤทธิ์ของยาเพื่อให้ผู้ป่วยมีระดับอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดกำลังสูงขึ้นจากการรับประทานอาหาร แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้รับประทานอาหาร หรือรับประทานยาและอาหารไม่ตรงเวลา อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้[5]
  2. ควรรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตในปริมาณเท่าเดิม เช่นเดียวกันกับการออกกำลังกาย โดยหากมีการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์[1]
  3. หมั่นวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอร่วมกับสังเกตอาการของตนเอง[1]

การแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเบื้องต้น 
หากมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม (ตารางที่ 2) แล้วติดตามอาการหลังจากรับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 นาที โดยสามารถใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดชนิดพกพา หากระดับน้ำตาลในเลือดยังคงต่ำอยู่ (ต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) ให้รับประทานคาร์โบไฮเดรตอีก 15 กรัม แล้วติดตามอาการและระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งหลังจากนั้น 15 นาที[1] 
 
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น หมดสติ หรือไม่ตอบสนองต่อวิธีการแก้ไขข้างต้น หรือเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยแม้รับประทานยาและอาหารครบถ้วนตามเวลา และไม่ได้ปรับเปลี่ยนปริมาณการรับประทานอาหารรวมถึงการออกกำลังกาย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยา[1] โดยห้ามปรับเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง 
 

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560. พิมพ์ครั้งที่ 3. ปทุมธานี: ร่มเย็น มีเดีย, 2560.
  2. Brunton LL, Dandan RH, Knollmann BC. Goodman & Gliman's the pharmacological basis of therapeutics. 13th ed. New York: McGraw-Hill, 2018.
  3. Gangji AS, Cukierman T, Gerstein HC, Goldsmith CH, Clase CM. A systematic review and meta-analysis of hypoglycemia and cardiovascular events: a comparison of glyburide with other secretagogues and with insulin. Diabetes Care 2007; 30(2): 389-94.
  4. American Diabetes Association. Standards of medical care in diabetes—2020. Diabetes Care 2020; 43 (Suppl 1): S1-S212.
  5. Kumar V, Abbas AK, Aster JC. Robbins basic pathology. 10th ed. Pennsylvania: Elsevier, 2018.
  6. Hammer GD, Mcphee SJ. Pathophysiology of disease: an introduction to clinical medicine. 7th ed. New York: McGraw-Hill, 2014.
  7. Whitney E, Debruyne LK, Pinna K, Rolfes SR. Nutrition for health and health care. 4th ed. Belmont: Wadsworth, 2011.

บทความที่ถูกอ่านล่าสุด

ยารักษาโรคเชื้อราที่เล็บ 6 วินาทีที่แล้ว
10 อันดับอาหารที่มีโปแทสเซียมสูง กับประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพ 12 วินาทีที่แล้ว
ยาแก้ไอ ... มีกี่แบบ ?? 18 วินาทีที่แล้ว
ยาโกรทฮอร์โมนสำหรับผู้ใหญ่ 19 วินาทีที่แล้ว
โรคจีซิกพีดี...ยาและอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง 21 วินาทีที่แล้ว
ยาล้างไต กับความเข้าใจผิดๆ 24 วินาทีที่แล้ว
อาหารอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟ อันตรายหรือไม่ 29 วินาทีที่แล้ว
“ตดหมูตดหมา” เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้จริงหรือ? 33 วินาทีที่แล้ว
กลูต้าไธโอน (glutathione) ทำให้ขาวจริงหรือ?? 35 วินาทีที่แล้ว
ท้องผูกและการใช้ยาระบาย 39 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด

เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์
คลังความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
Copyright © 2021 - 2025
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
การใช้และการจัดการคุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา