บัวหลวง...สัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา
ธิดารัตน์ จันทร์ดอน สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
39,255 ครั้ง เมื่อ 27 นาทีที่แล้ว | |
2015-10-07 |
คำนำ
บัวหลวง (Sacred lotus) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nelumbo nucifera Gaertn. เป็นพืชน้ำมีเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบเดี่ยวค่อนข้างกลม แผ่นใบชูเหนือน้ำ ก้านใบแข็ง ออกดอกเดี่ยวชูขึ้นเหนือน้ำ ดอกสีชมพูถึงชมพูเข้มและสีขาว เกสรเพศผู้สีเหลืองจำนวนมากติดอยู่รอบฝักบัวรูปกรวย ผลรูปกลมรีจำนวนมากอยู่ในฝัก (1) มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามลักษณะของดอก ดังนี้
รูป 1 ที่มา: http://www.bantamboon.com/wp-content/uploads/2014/03/บัวหลวงขาว-บุณฑริก.jpg
รูป 2 ที่มา: http://www.nanagarden.com/shop/1368/tag/บัวหลวง
รูป 3 ที่มา: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=muoodda&group=1&month=07-2012&date=29
รูป 4 ที่มา: สำนักงานข้อมูลสมุนไพร
หลายๆ ส่วนของบัวหลวงมีการนำมาบริโภค เช่น เมล็ดบัวรสชาติหวานมัน นำมากวนหรือโรยบนหน้าขนมหม้อแกง รากบัวเชื่อมหรือต้มน้ำตาล ทำน้ำรากบัวแก้ร้อนใน ยำกลีบบัวหรือยำเกสรบัวหลวง เป็นต้น นอกจากนี้บัวหลวงยังนำมาใช้เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน ทั้งเกสร กลีบดอก เมล็ด ดีบัว ใบ ราก และเหง้า คนไทยสมัยโบราณใช้เกสรบัวหลวงเข้าเครื่องยาไทยในพิกัดเกสรทั้งห้า เกสรทั้งเจ็ด และเกสรทั้งเก้า และนิยมใช้กันจนมาถึงปัจจุบัน
สรรพคุณแผนโบราณ ดอกบัวและเกสรบัวหลวงใช้บำรุงหัวใจ แก้ไข้ตัวร้อน แก้อ่อนเพลีย ขับโลหิต ขับเสมหะ แก้จุกเสียด และแก้ท้องเสีย เป็นต้น
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่าเกสรบัวหลวงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (3) และมีรายงานการทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลินเอสเทอเรส (Acetylcholinesterase; AChE) ซึ่งอาจส่งผลในการป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ (4) ส่วนกลีบดอกบัวหลวงมีฤทธิ์ลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่มากขึ้น และสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (5) นอกจากนี้ยังมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของส่วนอื่นๆ ของบัวหลวง เช่น เหง้ามีฤทธิ์ลดไข้ แก้ร้อนใน แก้อักเสบ (6) และใบมีฤทธิ์ในการลดความอ้วน (7) เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น สำหรับเกสรบัวหลวงซึ่งมีการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านเครื่องยามากที่สุด มีการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติใดๆ (8) ซึ่งขนาดที่ใช้เข้าเครื่องยาตามตำรับยาไทยต่างๆ ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้ปริมาณในสูงหรือการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงการใช้หากมีอาการแพ้
![]() |
กระชายดำกับสมรรถภาพทางเพศชาย 1 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาห้าราก : ตำรับยาสมุนไพรแก้ไข้ 1 วินาทีที่แล้ว |
![]() |
โรคไทรอยด์เป็นพิษแบบไม่แสดงอาการ 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
น้ำตาลทำให้แก่เร็ว..จริงหรือไม่ 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
มารู้จักน้ำแร่กันเถอะ !! 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน ... รับมือได้อย่างไร 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาแก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ-กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
“เห็ด” แหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
ยาดมมีอันตรายหรือไม่ 1 นาทีที่แล้ว |
![]() |
โรคเกาต์กับเกาต์เทียม ต่างกันอย่างไร 1 นาทีที่แล้ว |
![]() ![]() |
|
ที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานภายในคณะฯ
HTML5 Bootstrap Font Awesome