อาการเจ็บคอส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัส ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อรักษา
ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือน กันยายน ปี 2555 -- อ่านแล้ว 35,867 ครั้ง
Infectious Diseases Society of America(IDSA)ออกมาย้ำเตือนการใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมในการรักษาอาการเจ็บคอ โดยมีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการใช้ยาฆ่าเชื้อในการรักษาการติดเชื้อจากเชื้อไวรัส และใช้ยาฆ่าเชื้อในการรักษาการติดเชื้อในทางเดินหายใจจาก group A streptococcal โดยร้อยละ 70ของชาวอเมริกันที่มีอาการเจ็บคอมักจะได้รับยาฆ่าเชื้อ ในขณะที่สาเหตุของการเจ็บคอจากเชื้อแบคทีเรียมีเพียงร้อยละ 20-30 และ 5-15 ในเด็กและผู้ใหญ่ตามลำดับ เนื่องจากอาการคออักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัสมักจะคล้ายกัน ต่างกันที่การติดเชื้อไวรัสมักมี อาการไอ น้ำมูกไหล เสียงแหบ และมีแผลในปาก ในขณะการติดเชื้อ group A streptococciมักจะแสดงอาการเจ็บคอนำมาก่อน ตามด้วยกลืนลำบาก มีไข้ นอกจากนี้สามารถใช้การตรวจหา antigen ยืนยันการวินิจฉัย โดยทั่วไปในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี มักไม่ได้มีสาเหตุจากการติดเชื้อ group A strepcocci จึงไม่จำเป็นต้องใช้การตรวจนี้ยืนยัน ยกเว้นมีญาติพี่น้องใกล้ชิดติดเชื้อนี้อยู่ก่อนแล้ว ในเด็กและวัยรุ่นที่มี negative antigen tests ควรทำการเพาะเชื้อจากในคอยืนยันการตรวจอีกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการตรวจทางlab นี้ในผู้ใหญ่เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยที่ติดเชื้อ group A strep ในกรณีที่ยืนยันผลว่าติดเชื้อ group A strepผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยยากลุ่ม penicillin (เช่น amoxicillin) นาน 10 วัน ในผู้ที่ไม่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม penicillin นอกจากนี้ IDSA ยังไม่แนะนำให้ผ่าตัดต่อมทอนซิลในผู้ป่วยที่มีภาวะคออักเสบบ่อยๆ เพราะเทียบประโยชน์แล้วน้อยกว่าความเสี่ยงจากการผ่าตัด ยกเว้น กรณีเด็กมีภาวะหายใจลำบากร่วมด้วย โดยสรุป อาการคออักเสบส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อไวรัส ยาฆ่าเชื้อจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และยังอาจจะเพิ่มความโอกาสการดื้อยาของการติดเชื้อครั้งต่อไป