หากนึกถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ non-communicable diseases หลายคนอาจนึกถึงโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง แต่อีกหนึ่งโรคที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพบจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกมากเป็นลำดับต้น ๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี พ.ศ. 2564 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 463 ล้านคน และได้มีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2588 จะมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกเพิ่มสูงถึง 629 ล้านคน เมื่อมองย้อนกลับมาในบริบทของประเทศไทย พบว่ามีอุบัติการณ์การเพิ่มขึ้นของโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 300,000 คนต่อปี[1]
จากอุบัติการณ์ของโรคเบาหวานที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บทบาทของยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานมีความสำคัญและน่าสนใจมากขึ้น โดยในปัจจุบันมียาทั้งในรูปแบบรับประทานและฉีด ซึ่งหากกล่าวถึงยาฉีด ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามีเพียงยากลุ่มอินซูลิน แต่แท้จริงแล้วยาฉีดที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานยังมีอีกหนึ่งกลุ่ม ได้แก่ glucagon-like peptide-1 (GLP-1) receptor agonist
Glucagon-like peptide-1 หรือ GLP-1 คือ ฮอร์โมน (peptide hormone) ที่สร้างจากเยื่อบุผิวในลำไส้เล็กส่วนปลาย โดยจะหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อการบริโภคอาหาร และออกฤทธิ์ต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน ยับยั้งการเคลื่อนไหวและหลั่งสารในทางเดินอาหาร เป็นต้น
บทบาทของ GLP-1 ในโรคเบาหวาน
จากการที่ GLP-1 มีผลเกี่ยวข้องกับการบริโภคอาหารและช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้มีการนำยาที่ออกฤทธิ์เหมือน GLP-1 ซึ่งเรียกว่า GLP-1 receptor agonist มาใช้สำหรับการรักษาโรคเบาหวาน[2] ซึ่ง GLP-1 จะไปมีผลต่ออวัยวะต่าง ๆ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดผ่านกลไกต่อไปนี้[4-5]
เนื่องจากกลไกหลักของ GLP-1 receptor agonist คือ กระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลิน ดังนั้นจึงมีข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เท่านั้น ไม่สามารถใช้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ได้
GLP-1 receptor agonist ที่มีใช้ในปัจจุบันและคุณสมบัติของยาแต่ละชนิด แสดงในตารางต่อไปนี้
ชื่อยา |
Exenatide |
Lixisenatide |
Dulaglutide |
Liraglutide |
Semaglutide |
ชื่อการค้า |
Byetta® |
Lyxumia® |
Trulicity® |
Victoza® |
Ozempic® |
ข้อบ่งใช้ |
รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 |
- รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 - ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 |
|||
ขนาดยาที่มีในประเทศไทย |
- 5 mcg/1.2 ml - 10 mcg/2.4 ml |
- 50 mcg/ml - 100 mcg/ml |
- 0.75 mg/0.5 ml - 1.5 mg/0.5 ml |
- 6 mg/ml
|
- 0.25 mg - 0.5 mg - 1 mg
|
วิธีบริหารยา |
ฉีดใต้ผิวหนังบริเวณท้อง ต้นขา หรือต้นแขน |
||||
วิธีการใช้ยา |
- ออกฤทธิ์ทันที 2 ครั้ง/วัน - ออกฤทธิ์นาน 1 ครั้ง/สัปดาห์ |
1 ครั้ง/วัน |
1 ครั้ง/สัปดาห์ |
1 ครั้ง/วัน |
1 ครั้ง/สัปดาห์ |
ข้อห้ามใช้ |
- มีประวัติการเกิด hypersensitivity reaction (ภาวะภูมิไวเกิน) จากการใช้ยามาก่อน
|
- มีประวัติการเกิด hypersensitivity reaction (ภาวะภูมิไวเกิน) จากการใช้ยามาก่อน - มีประวัติหรือประวัติทางพันธุกรรมเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ (medullary thyroid carcinoma) หรือ multiple endocrine neoplasia syndrome type 2 |
อาการที่อาจพบบ่อย ได้แก่ เจ็บหรือบวมบริเวณที่ฉีด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คลื่นไส้อาเจียน และอาจมีอาการปวดท้อง เป็นต้น