Loading…

น้ำลดแล้ว มาทำความสะอาดบ้านเพื่อกำจัดเชื้อรากันเถอะ

น้ำลดแล้ว  มาทำความสะอาดบ้านเพื่อกำจัดเชื้อรากันเถอะ
ภญ รศ. ม.ล. สุมาลย์ สาระยา ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
39,474 ครั้ง เมื่อ 5 วินาทีที่แล้ว
2011-11-27

น้ำลดแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะกลับบ้านเพื่อตรวจตราซ่อมแซมบ้านเรือนที่แช่อยู่ในน้ำมานาน และเริ่มทำความสะอาดบ้านเพื่อจะได้เข้าไปอยู่อาศัย ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิต้านทานไม่ดี ผู้ป่วยโรคเบาหวาน กินยาสเตอรอยด์ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ใช้ยากดภูมิต้านทาน ผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยเคมีบำบัดหรือยา ผู้เป็นโรคหอบ หืด รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ ไม่ควรเข้าไปในบ้านก่อนที่จะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ การกลับเข้าบ้านหลังน้ำลดต้องมั่นใจว่าทำความสะอาดเรียบร้อยและปราศจากเชื้อโรคต่างๆที่อาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะเชื้อราที่เกาะตามส่วนต่างๆของบ้านและเครื่องเรือนบริเวณที่ชื้นอับ ขั้นตอนการทำความสะอาดบ้านเพื่อกำจัดเชื้อราควรทำดังนี้
  1. คนที่เข้าไปทำความสะอาดควรเป็นผู้มีสุขภาพดีและร่างกายแข็งแรง สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย ควรสวมหน้ากากป้องกัน (N - 95 หรือสูงกว่า) ควรสวมถุงมือชนิดทำงานบ้าน รองเท้าบู๊ทยาง และสวมใส่แว่นป้องกันตา เพื่อป้องกันการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรง ในระหว่างการทำความสะอาดให้หยุดพักออกมาหายใจอากาศบริสุทธิ์ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดการสูดดมเชื้อรา
  2. เริ่มแรกควรล้างด้วยน้ำ สบู่หรือน้ำยาล้างจานโดยเช็ดไปในทิศทางเดียวกันเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน การทำความสะอาดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแรงดันสูงฉีด เพราะจะทำให้เชื้อราฟุ้งกระจาย
  3. ตามด้วยการ ขัดล้างด้วยน้ำคลอรีนที่เตรียมจากคลอรีนผง ถ้าไม่มีใช้น้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 0.5 เปอร์เซนต์ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้าขาว ที่มีส่วนผสมของ โซเดียมไฮโปคลอไรด์ ที่มีชื่อทางการค้าว่า “ไฮเตอร์” นำน้ำยาซักผ้าขาวชนิดนี้ ผสมกับน้ำ โดยมีอัตราส่วน 1ถ้วยตวงของน้ำยาซักผ้าขาวต่อน้ำ 3.8 ลิตร
  4. หลังจากทำความสะอาดและฆ่าเชื้อราในบ้านแล้ว ให้ใช้พัดลมเป่าในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆทีเกี่ยว ข้อง ควรเปิดหน้าต่าง เปิดประตูให้มากที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ที่ทำความสะอาดแล้ว ควรนำมาตากแดดให้แห้งสนิท ควรให้แดดส่องเข้าบ้าน เพื่อไล่ความชื้นให้หมด ส่วนเครื่องปรับอากาศไม่ควรเปิดก่อนการทำ ความสะอาดโดยเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคจะถูกดูดเข้าไปในระบบปรับอากาศ และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อได้ และควรจะเปลี่ยนฟิลเตอร์ของเครื่องปรับอากาศด้วย
  5. ตรวจสอบอีกครั้ง ภายหลังจากความสะอาดแล้วผ่านไป 2 - 3 วัน แล้ว ให้มองหาสังเกตการเจริญเติบโตซ้ำของเชื้อรา ซึ่งมีได้ถ้าวัสดุ เครื่องเรือน ดังกล่าวยังไม่แห้งดีพอ

วิธีการเตรียมน้ำคลอรีน

  1. เตรียมน้ำ 10 ลิตรใส่ภาชนะ
  2. ตักน้ำใส่แก้วมา 1 แก้ว
  3. นำผงคลอรีนชนิดความเข้มข้น 60 เปอร์เซ็นต์ 1 ช้อนชา ผสมลงไปแก้ว แล้วคนให้เข้ากัน
  4. ตั้งทิ้งไว้ให้ผงปูนตกตะกอน
  5. นำน้ำคลอรีนส่วนที่เป็นน้ำใส ผสมน้ำในภาชนะที่เตรียมไว้ในข้อ 1 กวนให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ 30 นาที ก่อนที่จะใช้ล้างบริเวณที่ต้องการ

ข้อควรระวัง และแก้ไขเบื้องต้น
คลอรีนทำให้เกิดการระคายเคือง ระบบหายใจ ทำให้แสบจมูก ระคายเคืองตา แสบตา ผิวหนังเป็นผื่นแดงอักเสบ ดังนั้นในการเตรียมคลอรีน จึงควรสวมถุงมือยางขณะเตรียมสารละลายคลอรีน และในระหว่างการผสมคลอรีน มีผ้าปิดปาก จมูก และควรแต่งกายปกปิดร่างกายให้มิดชิด อย่าให้ถูกผิวหนัง และเข้าตา เมื่อถูกผิวหนังให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที ถอดเสื้อผ้าที่ถูกคลอรีนออก และอาบน้ำชะล้างคลอรีนให้หมด เมื่อเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที และรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
ส่วนการเก็บผงปูนคลอรีนจึงควรต้องเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด และเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. กองสุขาภิบาลอาหารและน้ำ .2549. คู่มือ Food Inspector. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. 311 หน้า
  2. คู่มือ “A Brief Guide to Mold, Moisture and Your Home” ของhttp://www.epa.gov/mold/moldguide.html

บทความที่ถูกอ่านล่าสุด

ออกกำลังกายอย่างไรดี ? 1 วินาทีที่แล้ว
บรรจุภัณฑ์บ่งชี้ร่องรอยการแกะ (Tamper-Evident Packaging): ตอนที่ 3 2 วินาทีที่แล้ว
ผู้บริโภค ชื่อเสียงของผู้ผลิต และระบบคุณภาพ 2 วินาทีที่แล้ว
สวยทันใจสวยสั่งได้ด้วยมือหมอ ก่อนไปพบแพทย์ ควรรู้อะไรบ้าง? 3 วินาทีที่แล้ว
EM Ball (อีเอ็มบอล) 4 วินาทีที่แล้ว
สุขภาพจิตในภาวะโรคระบาดใหญ่ 4 วินาทีที่แล้ว
รอบรู้เรื่องธาตุกัมมันตรังสี 5 วินาทีที่แล้ว
ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างไร ครอบคลุม คุ้มครอง คุ้มค่า? 6 วินาทีที่แล้ว
“เห็ด” แหล่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ 9 วินาทีที่แล้ว
ทีมหมูป่า เด็กติดถ้ำ กับภาวะ Refeeding Syndrome ที่ต้องระวัง 10 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด

เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์
Copyright © 2021 - 2024
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล