น้ำมันไพลทอดต่างจากน้ำมันไพลกลั่นอย่างไร?
รองศาสตราจาย์ ดร. เภสัชกรหญิงนพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
|
122,168 ครั้ง เมื่อ 1 วันที่แล้ว | |
2012-08-05 |
ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. วงศ์ Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กลุ่มที่ 2 บัญชียาพัฒนาจากสมุนไพร กลุ่มยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก ได้แก่ ตำรับยาครีมไพล [ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w)] และ ยาน้ำมันไพล [สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล] ข้อบ่งใช้ของทั้งสองตำรับคือ บรรเทาอาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดยอก1
น้ำมันไพลที่ได้จากการทอดและการกลั่นต่างกันอย่างไร? น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ อาจจะได้จากการกลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) วิธีการกลั่นแบบนี้เป็นวิธีที่ชาวยุโรปดั้งเดิมนิยมใช้กัน แต่มีข้อเสียตรงที่ไพลที่นำมากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจทำให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากการกลั่นโดยใช้การผ่านของไอน้ำเข้าสู่ภาชนะที่มีไพลบรรจุอยู่ (steam distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น วิธีนี้มีข้อดีกว่าคือ ไพลจะถูกความร้อนไม่มาก น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป นั่นคือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากทั้ง 2 วิธี จะมีสารประกอบทางเคมีที่ต่างกันบ้าง โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่นจะประกอบด้วยสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ได้แก่ สารกลุ่ม monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน 10 ตัว) และสารกลุ่ม sesquiterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากการกลั่นประกอบด้วย สารกลุ่ม monoterpenes ได้แก่ sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4
ส่วนน้ำมันไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นวิธีของคนไทยโบราณที่ใช้เตรียมน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันถูนวด แก้ปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลของรัฐได้มีการเตรียมเป็นเภสัชตำรับของโรงพยาบาล และเป็นหนึ่งตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้เตรียมได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชชนิดอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันปาล์ม ไม่ควรใช้น้ำมันพืชชนิดไม่อิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว) ได้แก่ น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าว ทั้งนี้เพราะว่าน้ำมันชนิดไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้พันธะคู่ในโมเลกุลเกิดการแตก และรวมตัวเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น ทำให้เกิดความหนืด นอกจากนี้จะทำให้เกิดควันได้ง่าย และน้ำมันเหม็นหืน น้ำมันพืชที่ใช้ในการทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีในการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ฉะนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วยสารประกอบที่มีขั้วน้อยและโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่มีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลนอกจากประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าสารในน้ำมันหอมระเหย และเป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปง่าย ๆ คือ น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารโมเลกุลเล็กและระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย
น้ำมันหอมระเหยและสารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และ cyclohexene derivatives) เป็นกลุ่มสารที่มีผลการวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดในสัตว์ทดลอง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาทางคลินิกพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและการปวดของข้อเท้าแพลงในผู้ป่วยนักกีฬาที่บาดเจ็บข้อเท้าแพลงมากกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับยา หลอก13 และพบว่าครีมไพจีซาลได้ผลดีในการรักษาอาการปวดเมื่อยหลัง ไหล่ ต้นคอ เอว เข่า14 แต่ตำรับยาน้ำมันไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการศึกษาทางคลินิกมาก่อน ซึ่งขณะนี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาโครงการ “การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเลียนแบบวิธีการสกัดแบบภูมิปัญญา ซึ่งเป็นการสกัดสารหลาย ๆ ชนิด ไม่เพียงแต่น้ำมันหอมระเหยเท่านั้น และเป็นการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า
ประชาชนสามารถจะเตรียมน้ำมันไพลใช้เองได้ในครัวเรือน จึงขอแนะนำวิธีเตรียมตำรับน้ำมันไพลทอดสูตรโบราณซึ่งใส่เหง้าขมิ้นชันด้วย เพื่อเสริมฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวด ทั้งนี้เพราะขมิ้นชันประกอบด้วยสารสำคัญคือ น้ำมันหอมระเหย และสารกลุ่ม curcuminoids ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและแก้ปวดได้
ตำรับน้ำมันไพลทอดสูตรโบราณ
หัวไพลสด | 2 กิโลกรัม |
ขมิ้นชันสด | 1/2 กิโลกรัม |
น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมะพร้าว | 1 กิโลกรัม |
ดอกกานพลู | 100 กรัม |
การบูร | 100 กรัม |
วิธีทำ
ยาเลื่อนประจำเดือน .. ที่นี่มีคำตอบ 17 วินาทีที่แล้ว | |
ยาฆ่าเชื้อกับการตั้งครรภ์และให้นมบุตร 18 วินาทีที่แล้ว | |
ความเครียด และวิธีแก้ความเครียด 32 วินาทีที่แล้ว | |
กินยาพร้อมนม ได้ผลหรือไม่ ? 35 วินาทีที่แล้ว | |
ยาแก้ปวดข้อ ใช้รักษาข้อเสื่อม ใช้อย่างไร? 45 วินาทีที่แล้ว | |
4 ขั้นตอน การเลือกโพรไบโอติคส์ 48 วินาทีที่แล้ว | |
ตกขาว .. รักษาอย่างไร 51 วินาทีที่แล้ว | |
“นิโคติน” สารทดแทนช่วยเลิกบุหรี่ 1 นาทีที่แล้ว | |
ป้องกันการแพ้ยารุนแรงด้วยการตรวจยีน 1 นาทีที่แล้ว | |
จะเลือกใช้ยาหอม อย่างไรจึงจะดี 1 นาทีที่แล้ว |
|
HTML5 Bootstrap Font Awesome