Loading…

ศีรษะล้านไม่ใช่จุดจบของความมั่นใจ: เข้าใจวงจรเส้นผมและแนวทางการรักษาที่ได้ผลจริง

ศีรษะล้านไม่ใช่จุดจบของความมั่นใจ: เข้าใจวงจรเส้นผมและแนวทางการรักษาที่ได้ผลจริง

อาจารย์ ดร. ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน

1,784 ครั้ง เมื่อ 2 นาทีที่แล้ว
2025-05-07

คุณสังเกตหรือไม่ว่าแนวผมของคุณเริ่มร่น ผมบาง หรือเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้น? ลองส่องกระจกแล้วดูว่าแนวไรผมตรงหน้าผากเริ่มถอยร่นคล้ายตัว M หรือมีบริเวณกลางศีรษะบางลงกว่าเดิมหรือไม่ หากใช่ อาจเป็นสัญญาณของศีรษะล้านแบบพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia: AGA) ซึ่งแบ่งได้หลายรูปแบบ เช่น:

  • แบบ M-shape: ผมร่นจากหน้าผากด้านข้าง
  • แบบ O-shape: ผมบางบริเวณกลางศีรษะคล้ายเหรียญ
  • แบบ Combined: ผมบางทั้งแนวหน้าและกลางศีรษะพร้อมกัน

ระดับความรุนแรงของ AGA สามารถจัดตาม Norwood-Hamilton Scale (สำหรับผู้ชาย) ตั้งแต่ระดับ 1 (เริ่มร่นเล็กน้อย) ไปจนถึงระดับ 7 (ศีรษะล้านเกือบทั้งหมด) การรู้จักรูปแบบและระดับของตัวเองช่วยให้เลือกแนวทางรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น

ข่าวดีคือ ภาวะนี้สามารถรักษาและชะลอได้ หากเข้าใจกลไกของมันอย่างแท้จริงและเริ่มดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ

ศีรษะล้านแบบพันธุกรรม คืออะไร?

AGA ไม่ได้เกิดจาก "กรรมเวร" แต่คือผลของ กรรมพันธุ์ ผสมกับผลของ ฮอร์โมนเพศชาย DHT (Dihydrotestosterone) ที่เข้าไปยับยั้งการทำงานของรากผม ทำให้รากผมหดเล็กลง เส้นผมบางลง และหลุดร่วงในที่สุด

มักเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่อายุ 20–30 ปี โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีประวัติครอบครัวศีรษะล้าน ไม่ว่าจะฝั่งพ่อหรือแม่

วงจรชีวิตเส้นผม: รู้ก่อนเริ่มรักษา

เส้นผมทุกเส้นมีวงจรชีวิตที่แบ่งเป็น 4 ระยะ:

  1. Anagen (ระยะเติบโต) – ผมยาวขึ้นเรื่อย ๆ (2–6 ปี)
  2. Catagen (ระยะหยุดชั่วคราว) – ช่วงเปลี่ยนผ่าน (~2 สัปดาห์)
  3. Telogen (ระยะพักตัว) – ผมหยุดเติบโต (~3 เดือน)
  4. Exogen (ระยะหลุดร่วง) – ผมหลุดออกจากรูขุมขน

ในผู้ที่มี AGA:

  • ระยะ Anagen ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมเติบโตเต็มที่ จะสั้นลงจากเดิมที่ควรยาว 2–6 ปี เหลือเพียงไม่กี่เดือน ส่งผลให้เส้นผมไม่ยาว หนา หรือแข็งแรงเท่าที่ควร และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ
  • ระยะ Telogen หรือระยะพักตัวของเส้นผมจะยาวนานขึ้น ทำให้รากผมหยุดพักและไม่สร้างผมใหม่เร็วพอ ส่งผลให้พื้นที่หนังศีรษะเริ่มโล่งชัดเจนขึ้น
  • นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ที่ขึ้นมาในรอบถัดไปมักมีลักษณะบางลงและเส้นเล็กกว่าปกติ เรียกว่า "miniaturization" ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ AGA ที่ทำให้เกิดผมบางเรื้อรังในระยะยาว

แนวทางการรักษาที่มีหลักฐานรองรับ

1. Finasteride (ฟินาสเทอไรด์)

  • กลไก: ยับยั้งการสร้าง  DHT
  • วิธีใช้: ยากิน 1 มก. วันละครั้ง
  • เห็นผล: เริ่มใน 3–6 เดือน, ชัดเจนใน 12 เดือน
  • ข้อควรระวัง: หากหยุดใช้ ผมที่ขึ้นใหม่อาจร่วงใน 3–6 เดือน
  • ผลข้างเคียง: พบน้อย เช่น ความต้องการทางเพศลดลง, ซึมเศร้า ซึ่งมักหายเมื่อหยุดยา

2. Minoxidil (ไมน็อกซิดิล)

  • กลไก: ขยายหลอดเลือด เพิ่มเลือดไปเลี้ยงรากผม
  • วิธีใช้: ทาหรือโฟม วันละ 1–2 ครั้ง
  • เห็นผล: ภายใน 3–6 เดือน
  • ผลข้างเคียง: ระคายเคือง, ผื่น, "ผมร่วงช่วงแรก" ที่บ่งชี้ว่ารากผมเริ่มทำงานใหม่

3. Low-Level Laser Therapy (LLLT)

  • กลไก: กระตุ้นพลังงานเซลล์รากผม ลดการอักเสบ
  • อุปกรณ์: หวีเลเซอร์, หมวกเลเซอร์
  • ข้อดี: ความปลอดภัยสูง ใช้ร่วมกับยาอื่นได้ดี

ระยะเวลาเห็นผล และเหตุผลที่ไม่ควรล้มเลิกกลางทาง

การรักษา AGA เปรียบเหมือนการดูแลต้นไม้ที่เคยแห้งเฉาให้กลับมาเขียวขจี ซึ่งต้องใช้เวลา ความสม่ำเสมอ และความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรผม

  • ใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ 3–6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล เพราะรากผมต้องค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระยะ Anagen ซึ่งเป็นระยะเติบโตใหม่
  • ในช่วงแรกอาจรู้สึกว่า "ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง" แต่อย่าลืมว่าเส้นผมต้องใช้เวลาเติบโต และรากผมที่เคยอ่อนแอต้องการเวลาในการฟื้นฟู
  • หากหยุดใช้กลางคัน = ผมที่ขึ้นใหม่อาจร่วงกลับ และรากผมอาจกลับเข้าสู่สภาวะเดิม

การรักษานี้ไม่ใช่เรื่องของวันหรือสัปดาห์ แต่คือการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น หากคุณอดทนและเข้าใจกลไกอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่ากับการรอคอย

ทางเลือกเสริมเพิ่มเติม (ยังไม่รับรองโดย อ.ย.)

สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมอย่างเต็มที่ อาจพิจารณาการรักษาเสริมที่ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยหรือเป็นที่ใช้ในวงการแพทย์เฉพาะทาง โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเสมอ:

  • PRP (Platelet-Rich Plasma): การนำพลาสมาเข้มข้นจากเลือดของผู้ป่วยเองมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ โดยเชื่อว่าช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมของรากผมและลดการอักเสบ แม้ยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน แต่บางคนพบว่าได้ผลในระยะสั้น
  • Microneedling + เซรั่มบำรุง: การใช้เข็มขนาดเล็กสร้างบาดแผลเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมของผิวหนังและเพิ่มการดูดซึมของเซรั่มที่ช่วยบำรุงรากผม วิธีนี้มีรายงานสนับสนุนบางส่วน แต่ผลลัพธ์ยังคงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  • Exosome / Stem Cell Therapy: เป็นการนำโมเลกุลหรือเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตมาช่วยฟื้นฟูรากผม เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อยู่ในขั้นตอนการทดลอง จึงควรติดตามผลการวิจัยต่อไปอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา

การเลือกใช้วิธีเหล่านี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางเสมอ และไม่ควรถูกมองว่าเป็นทางลัด แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาอย่างมีสติและรอบคอบ

คำถามยอดฮิต: กลัวผลข้างเคียงของ Finasteride?

ความกังวลเรื่องสมรรถภาพทางเพศเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในกลุ่มผู้ที่เริ่มใช้ยา Finasteride โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวหรือข้อมูลในสื่อที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ อย่างไรก็ตาม การศึกษาทางคลินิกจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า:

  • Finasteride เป็นยาที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) และใช้มานานกว่า 20 ปี
  • อุบัติการณ์ของผลข้างเคียง เช่น สมรรถภาพทางเพศลดลง พบเพียงประมาณ 1.8%–3.8% ของผู้ใช้เท่านั้น
  • อาการที่อาจพบได้ ได้แก่ ความต้องการทางเพศลดลง สมรรถภาพลดลง หรือมีอาการซึมเศร้าเล็กน้อยในบางราย
  • ที่สำคัญคือ ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะกลับมาเป็นปกติเมื่อหยุดยา
  • การศึกษาบางฉบับยังแสดงว่า กลุ่มที่ได้รับยาหลอก (placebo) ก็รายงานผลข้างเคียงคล้ายกัน แสดงว่าอาจมีปัจจัยทางจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แนวทางลดความเสี่ยง:

  • เริ่มจากขนาดต่ำ (เช่น 0.5 มก. แทน 1 มก.) และเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ใช้ร่วมกับ Minoxidil เพื่อลดการพึ่งพายาเดี่ยวตัวใดตัวหนึ่ง
  • ติดตามอาการกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 3–6 เดือนแรก

คำแนะนำจากองค์กรทางการแพทย์หรือเภสัชกรรม

องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA): มีท่าทีไม่สนับสนุนการแบ่งเม็ดยาโดยไม่มีเหตุผลและการควบคุม โดยระบุไว้ว่า “FDA ไม่ส่งเสริมการแบ่งยาเม็ด เว้นแต่มีระบุไว้ในข้อมูลการใช้ยาว่าสามารถทำได้”  เนื่องจากกังวลเรื่องความสม่ำเสมอของขนาดยาและประสิทธิภาพหลังแบ่ง หากแพทย์เห็นควรให้แบ่งยา ควรติดตามผลการรักษาและความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด และผู้ป่วยไม่ควรแบ่งยาเองโดยไม่ปรึกษา สำหรับกรณีฟิแนสเทอไรด์ 5 มก. ฉลากยาของผู้ผลิตดั้งเดิม ไม่ได้ระบุให้แบ่งเม็ดเพื่อใช้รักษาผมร่วง (เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ขนาด 1 มก. สำหรับการนี้แยกต่างหากอยู่แล้ว) ดังนั้นการแบ่งเม็ดถือเป็นการใช้นอกเหนือคำแนะนำเอกสารกำกับยา 

หน่วยงานในประเทศไทย: ในประเทศไทย ฟิแนสเทอไรด์ขนาด 5 มก. ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติสำหรับรักษาโรคต่อมลูกหมากโตเท่านั้น ส่วนขนาด 1 มก. สำหรับผมร่วงไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลัก (เป็นยานอกบัญชี)  ทำให้ราคาของยา 1 มก. มักจะสูงกว่า 5 มก. และผู้ป่วยต้องจ่ายเองในหลายกรณี ด้วยเหตุนี้แพทย์และเภสัชกรบางส่วนอาจแนะนำการแบ่งเม็ด 5 มก. เพื่อให้ได้ขนาด 1 มก. สำหรับรักษาผมร่วงในกรณีที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยได้เตือน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเกี่ยวกับการใช้ยาฟิแนสเทอไรด์อย่างเหมาะสม โดยย้ำว่า ขนาด 1 มก. ใช้สำหรับรักษาผมร่วงในผู้ชายเท่านั้น และ ขนาด 5 มก. สำหรับรักษาต่อมลูกหมากโตเท่านั้น ไม่ควรใช้สลับขนาดกันเองโดยพลการสิ่งสำคัญคือ การรับฟังข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หรือเภสัชกร และไม่ตัดสินใจจากความกลัวเพียงอย่างเดียว เพราะการรักษาที่มีข้อมูลรองรับจะช่วยให้คุณฟื้นความมั่นใจได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

สรุปเพื่อการตัดสินใจเริ่มรักษาให้มีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นฟื้นฟูเส้นผมอย่างมีขั้นตอน

  1. สังเกตตนเอง: สำรวจแนวผมและความหนาแน่นของเส้นผมบริเวณหน้าผาก กลางศีรษะ และแนวไรผม เพื่อประเมินระดับความรุนแรงเบื้องต้น
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: พบแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรเพื่อประเมินสภาพเส้นผมอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณ
  3. เริ่มใช้ยาที่ได้รับการรับรอง: เช่น Finasteride (ยากิน) หรือ Minoxidil (ยาทา) ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  4. ให้เวลาและความสม่ำเสมอ: ยาและการรักษาเสริมมักเริ่มเห็นผลใน 3–6 เดือน อย่าหยุดกลางคัน เพราะอาจเสียผลลัพธ์ที่สร้างมา
  5. ติดตามอาการ: พบแพทย์เพื่อติดตามความคืบหน้า และปรับแผนการรักษาเมื่อจำเป็น
  6. เสริมความเข้าใจ: หมั่นศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีสติ
  • เริ่มเร็ว = โอกาสรักษาผมเดิมไว้ได้มาก
  • ต้องใช้เวลา อดทน และเข้าใจวงจรเส้นผม
  • อย่าหยุดยาเองก่อนเวลาอันควร
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนที่เหมาะสม

การดูแลเส้นผมไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนก็จริง แต่เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเข้าใจและความใส่ใจระยะยาว หากเริ่มต้นวันนี้อย่างถูกวิธี เส้นผมของคุณอาจกลับมาพร้อมความมั่นใจอีกครั้ง

แหล่งอ้างอิง/ที่มา
  1. Kaufman, K. D. (2002). Androgens and alopecia. Molecular and Cellular Endocrinology, 198(1-2), 89–95.
  2. Olsen, E. A., et al. (2006). Finasteride improves male pattern hair loss in a randomized controlled trial. Journal of the American Academy of Dermatology, 55(6), 1014–1022. 
  3. Rossi, A., et al. (2012). Minoxidil use in dermatology, side effects and recent patents. Recent Patents on Inflammation & Allergy Drug Discovery, 6(2), 130–136. 
  4. Gupta, A. K., & Charrette, A. (2019). The efficacy of low-level laser therapy for androgenetic alopecia: A systematic review and meta-analysis. Journal of Dermatological Treatment, 30(6), 635–643. 
  5. Gentile, P., et al. (2015). The effect of platelet-rich plasma in hair regrowth: A randomized placebo-controlled trial. Stem Cells Translational Medicine, 4(11), 1317–1323. 
  6. Dhurat, R., & Sukesh, M. (2013). A randomized evaluator blinded study of effect of microneedling in androgenetic alopecia: A pilot study. International Journal of Trichology, 5(1), 6–11. 
  7. Zhou, L., et al. (2020). Stem cell therapy for androgenetic alopecia: A review. Journal of Dermatological Science, 97(2), 77–83. 
  8. Adil, A., & Godwin, M. (2017). The effectiveness of treatments for androgenetic alopecia: A systematic review and meta-analysis. Journal of the American Academy of Dermatology, 77(1), 136–141. 
เกี่ยวกับคณะเภสัชศาสตร์
คลังความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน บทความความรู้สู่ประชาชน

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด

ความสำเร็จของวิชาชีพเภสัชกรรม เกิดจากความรู้ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคยา มีการเสี่่ยงต่ออันตรายจากยาที่ใช้ให้น้อยที่สุด แต่ได้รับผลในการป้องกัน หรือบำบัดโรคมากที่สุด
ประดิษฐ์ หุตางกูร
คณบดีท่านแรกของคณะเภสัชศาสตร์

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
Copyright © 2021 - 2025
งานเทคโนโลยีสารสนเทศฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
การใช้และการจัดการคุกกี้
เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา