เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โปรดสละเวลา 1 นาที ในการตอบแบบสอบถามจากเรา Click !!

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน


เมทานอลในเหล้าต้มสุราเถื่อน อันตรายถึงแก่ชีวิต


อาจารย์ ดร.ชัยวัฑฒน์ อ่อนศรี

ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านแล้ว 2,659 ครั้ง  
ตั้งแต่วันที่ 13/09/2567
อ่านล่าสุด 4 ช.ม.ที่แล้ว

Scan เพื่ออ่านบนมือถือของคุณ
 

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “แอลกอฮอล์” เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่สามารถพบได้ในหลายงานสังสรรค์ โดยทั่วไปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีเอทานอล (ethanol) หรือเอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol) เป็นองค์ประกอบ ซึ่งที่ได้จากกระบวนการหมักผลผลิตทางการเกษตร เช่น มันสำปะหลัง อ้อย หรือ ข้าวโพด ด้วยยีสต์เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ที่สามารถดื่มได้ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยกว่า 40 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการมึนเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจเร็ว หอบ เหนื่อย ตาพร่ามัว และในผู้ป่วยกลุ่มนี้มีจำนวน 8 รายที่มีอาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต จากการสอบประวัติ และวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ดื่มผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมเป็นเมทานอล (methanol) หรือเมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) เป็นองค์ประกอบ

 เมทานอลเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเคมี รวมถึงเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไบโอดีเซล เมทานอลมีสถานะเป็นของเหลวใสไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเช่นเดียวกันกับเอทานอล จึงไม่สามารถแยกแอลกอฮอล์ทั้งสองชนิดได้ด้วยตาเปล่า นอกจากเมทานอลจะเข้าสู่ร่างกายผ่านการดื่มแล้ว ยังสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการซึมผ่านผิวหนัง และการสูดดม เนื่องจากเมทานอลเป็นสารเคมีที่มีจุดเดือดต่ำ (64.7 องศาเซลเซียส) จึงสามารถระเหยเป็นไอได้ เมทานอลจะแสดงความเป็นพิษเมื่อร่างกายมีระดับของเมทานอลในเลือดสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เมื่อเมทานอลเข้าสู่ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ตับด้วยเอนไซม์ในร่างกายเปลี่ยนเป็นฟอร์มัลดีไฮด์ (formaldehyde) และกรดฟอร์มิก (formic acid) ตามลำดับ กรดฟอร์มิกที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลให้เลือดในร่างกายเป็นกรด (metabolic acidosis) รวมทั้งทำลายระบบประสาทตาทำให้ตาพร่ามัว (ocular toxicity)  ร่างกายจะปรับสมดุลด้วยการเปลี่ยนกรดฟอร์มิกเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (carbon dioxide, CO2) และขับออกทางปอดผ่านการหายใจ เมทานอลส่วนหนึ่งที่คงอยู่ในเลือดจะถูกขับออกทางไตผ่านปัสสาวะ หากได้รับเมทานอลในปริมาณสูงอาจก่อให้เกิดภาวะไตวายได้

Photo by: www.freepik.com

แม้ว่าเอทานอลจะสามารถใช้ลดความเป็นพิษของเมทานอลได้ จากการแย่งจับกับเอนไซม์ alcohol dehydrogenase เพื่อยังยั้งการแปรสภาพของเมทานอลเป็นกรดฟอร์มิกได้ แต่ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มเอทานอลเพื่อแก้ความเป็นพิษด้วยตนเอง หากพบผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าดื่มเมทานอลเข้าไปควรรีบนำส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล เร่งกระบวนการขับเมทานอลออกจากร่างกายผ่านการฟอกเลือด (hemodialysis) ด้วยเครื่องไตเทียม ลดความเป็นกรดในเลือดด้วยการให้โซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate, NaHCO3) ซึ่งมีสมบัติเป็นเบส หรือกรดโฟลิก (folic acid) ซึ่งเป็นโคแฟกเตอร์ (cofactor) ในการเปลี่ยนกรดฟอร์มิกเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ในต่างประเทศอาจมีการใช้โฟมีพิโซล (fomepizole) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นสารต้านพิษ (antidote) โดยยานี้จะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ alcohol dehydrogenase 

เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตควรเลือกดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการรับรอง และตรวจสอบคุณภาพจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ แต่จะดีมากกว่าหากหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการ พักผ่อน และออกกำลังกายให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง/ที่มา

1.ไทยรัฐออนไลน์. อัปเดตล่าสุด ยอดตาย-รักษาตัว ผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษเมทานอล “คลัสเตอร์ยาดองมรณะ” [อินเตอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ; 2567[เข้าถึงเมื่อ 7 กันยายน 2567].

2.National Library of Medicine. Methanol [Internet]. Maryland; 2024 [Cited 7 September 2024].

3.กิติศักดิ์ แสนประเสริฐ. ภาวะพิษจากเมทานอล (Methanol Poisoining). ใน: จารุวรรณ ศรีอาภา, บรรณาธิการ. ยาต้านพิษ ๔. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สมาคมพิษวิทยาคลินิก; 2557. หน้า 40-3.

4.ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. ภาวะเป็นพิษจาก methanol [อินเตอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ; 2558[เข้าถึงเมื่อ 7 กันยายน 2567].

5. ฐิติมา ด้วงเงิน. ข้อควรรู้เกี่ยวกับยา fomepizole [อินเตอร์เน็ต]. สงขลา; 2567 [เข้าถึงเมื่อ 7 กันยายน 2567].

เปิดอ่านด้วย Google Doc Viewer ดาวน์โหลดบทความ (pdf) ดูบทความอื่นๆ

บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้


บทความที่ถูกอ่านล่าสุด


1 วินาทีที่แล้ว
แป๊ะตำปึง 4 วินาทีที่แล้ว
สัตว์เลี้ยงกับยา 10 วินาทีที่แล้ว

อ่านบทความทั้งหมด



ข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์บทความ:
บทความในหน้าที่ปรากฎนี้สามารถนำไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ได้ ทั้งนี้การนำไปทำซ้ำนั้นยังคงต้องปรากฎชื่อผู้แต่งบทความ และห้ามตัดต่อหรือเรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้ใหม่โดยเด็ดขาด และกรณีที่ท่านได้นำบทความนี้ไปใช้ในเว็บเพจของท่าน ให้สร้าง Hyperlink เพื่อสร้าง link อ้างอิงบทความนี้มายังหน้านี้ด้วย

-

 ปรับขนาดอักษร 

+

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ดูเบอร์ติดต่อหน่วยงานต่างๆ | ดูข้อมูลการเดินทางและแผนที่

เว็บไซต์นี้ออกแบบและพัฒนาโดย งานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรียนการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2024
 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้เทคโนโลยีคุกกี้เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง การเปิดให้ใช้คุณสมบัติทางโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าเว็บไซต์ของเรา การใช้งานเว็บไซต์ต่อถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้