Eng |
อาจารย์ ดร.ภก.วสุ ศุภรัตนสิทธิ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019 (COVID-19) ระลอกล่าสุดในประเทศไทยตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการณ์ว่า ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในระลอกนี้จะเห็นว่ามีการติดเชื้อในเด็กมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะการได้รับวัคซีนก่อนหน้านี้ในเด็กมีค่อนข้างจำกัด โรงเรียนหลายแห่งเริ่มเปิดให้มีการเรียนการสอนมากขึ้น รวมถึงไวรัสสายพันธุ์นี้มีอัตราการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างสูง มีค่า R0 อยู่ที่ 8 – 15 ซึ่งแปลความหมายได้ว่าผู้ติดเชื้อ 1 คน สามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้ 8 ถึง 15 คน
ภาพจาก : https://www.chla.org/sites/default/files/thumbnails/image/Mis-C.jpg
ในเด็กที่มีอาการไม่มากและมีความเสี่ยงน้อย แพทย์อาจพิจารณาให้เด็กรักษาด้วยการกักตัวอยู่ที่บ้าน (home isolation) ซึ่งหลังจากกักตัวครบ 10 วันแล้ว แม้ว่าเด็ก ๆ จะมีอาการดีขึ้นหรือไม่มีอาการของ COVID-19 ผู้ปกครองยังต้องหมั่นสังเกตและเฝ้าระวังภาวะอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังติดเชื้อในเด็กได้ ภาวะนี้คือ multisystem inflammatory syndrome in children (MIS-C)
MIS-C คือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก โดยมีอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย สาเหตุยังไม่แน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่สูงผิดปกติระหว่างเป็น COVID-19 อาการของโรคจะคล้ายกับผู้ป่วยโรคคาวาซากิ (Kawasaki disease)
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่น โดยจะรักษาตามอาการแสดงของผู้ป่วยแต่ละคน และอาจจะพิจารณาให้ immunoglobulin หรือใช้ยาในกลุ่ม Glucocorticoids ตามความเหมาะสม
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของบุตรหลาน ผู้ปกครองควรเฝ้าระวัง สังเกตอาการของเด็กที่เป็น COVID-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภายใน 4 ถึง 8 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ หากมีอาการผิดปกติให้รีบพามาโรงพยาบาล รวมทั้งการใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ยากับท่านเอง และอย่าลืมว่า “มีปัญหาเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกรนะครับ”