Eng |
นศภ.กัญญ์สิริ อภินันทนกูล นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (สอบทานความสมบูรณ์และถูกต้อง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภก. อัญชลี จินตพัฒนากิจ)
ในยุคที่การนอนหลับเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ด้วยปัจจัยหลายประการ เช่น ความเครียด หรือพฤติกรรมต่างๆที่เปลี่ยนไป หลายคนก็เริ่มหาแนวทางเพื่อให้มีการนอนหลับที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า “เมลาโทนิน (melatonin)” บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเล่าความลับของเจ้าเมลาโทนินนี้ และตอบคำถามที่ค้างคาใจใครหลายคน เช่น เมลาโทนินนั้นช่วยนอนหลับได้กับทุกคนหรือไม่ ? หรือหากสนใจจะใช้แล้ว จะต้องระวังอะไรบ้าง ?
ภาพจาก : https://imagevars.gulfnews.com/2018/12/12/iStock-925672338-(Read-Only)_resources1_16a0854053b_medium.jpg
ความลับที่ 1 เมลาโทนินคืออะไร?
เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนของร่างกายที่สร้างขึ้นจากต่อมไพเนียล (pineal gland) โดยมีหน้าที่สำคัญในร่างกายของเราโดยเป็นเสมือนกุญแจเปิดประตูสู่การนอนหลับ โดยร่างกายจะเริ่มหลั่งสารนี้ออกมาตั้งแต่ช่วงที่พระอาทิตย์ตกดิน และร่างกายจะมีระดับของเมลาโทนินสูงสุดในช่วงครึ่งหนึ่งของคืน (half of night) โดยความมืดจะกระตุ้นการหลั่งสารเมลาโทนิน ในขณะที่แสงจะยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน ในปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าการได้รับแสงสีฟ้า เช่น แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ จะสามารถยับยั้งหรือชะลอการหลั่งเมลาโทนินได้ นอกจากนี้การศึกษาทางคลินิกยังพบว่าผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่พบการหลั่งเมลาโทนินลดลง จึงทำให้พบภาวะนอนหลับยากที่สัมพันธ์กับอายุได้ (age-related sleep disorder)[1,2]
ความลับที่ 2 เมลาโทนินมีรูปแบบใดบ้าง?
ในปัจจุบันเชื่อว่าหลายคนก็เคยเห็นผลิตภัณฑ์เมลาโทนินหลากหลายรูปแบบในประเทศไทย โดยอาจสรุปได้ดังนี้
รูปแบบยาที่มีในประเทศไทยนั้นเป็นรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่น ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือจะมีการปลดปล่อยตัวยาออกมาทีละน้อย และสามารถเลียนแบบการหลั่งของเมลาโทนินตามธรรมชาติของร่างกายได้ดี ซึ่งจะมีการหลั่งทีละน้อยจนถึงระดับสูงสุดและค่อยๆลดลงตลอดช่วงการนอน[5]
มีการทดลองทางคลินิกขนาดเล็ก (small clinical trial) เปรียบเทียบการออกฤทธิ์ระหว่างเมลาโทนินรูปแบบปลดปล่อยทันที และเมลาโทนินรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่นพบว่า เมลาโทนินรูปแบบออกฤทธิ์ทันทีจะเหมาะสมในผู้ที่หลับได้ยาก (delay sleep onset) ในขณะที่รูปแบบออกฤทธิ์เนิ่น เหมาะสมกับภาวะการนอนไม่หลับแบบที่มีการตื่นกลางดึกบ่อยๆ (sleep maintainance)[6]
ความลับที่ 3 แล้วสรุปว่าเมลาโทนินเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
อ่านมาถึงความลับข้อที่ 3 นี้ หลายคนคงสงสัยเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของเมลาโทนินมากขึ้น เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าข้อกฎหมายของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เมลาโทนินมีสถานะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (dietary supplement) ซึ่งอาจมีทั้งในรูปแบบปลดปล่อยทันทีและรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่น อย่างไรก็ตามด้วยสถานะที่เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ข้อกำหนดในการควบคุมคุณภาพจึงเข้มงวดน้อยกว่ายา และยังส่งผลให้สามารถจำหน่ายได้ทั่วไปอีกด้วย ซึ่งต่างกับประเทศไทยที่เมลาโทนินนั้นขึ้นทะเบียนเป็นยาอันตราย[4] ส่งผลให้สามารถจำหน่ายได้ในร้านยาหรือจ่ายตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น
ความลับที่ 4 เมลาโทนินช่วยให้เรานอนหลับได้อย่างไร?
หลายคนอาจเริ่มสนใจที่จะใช้เมลาโทนินมากขึ้น แต่อย่างไรก็มาพิจารณากันก่อน เพราะว่าเมลาโทนินไม่ใช่ยานอนหลับครอบจักรวาล บทบาทหน้าที่หลักของเมลาโทนินคือควบคุมการทำงานของจังหวะเซอร์คาเดียน (circadian rhythm) หรือที่เราอาจรู้จักกันในนามนาฬิกาชีวภาพ (internal biological clock) นั่นเอง ดังนั้นจึงสอดคล้องกับข้อบ่งใช้ของเมลาโทนินคือในรักษาอาการนอนไม่หลับแบบปฐมภูมิ ในผู้ป่วยอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ซึ่งคำว่าปฐมภูมินี้หมายความว่า การนอนไม่หลับนี้ไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่นไม่ได้เกิดจากยา สภาวะทางจิต หรือสิ่งแวดล้อมอื่นใด จากการศึกษาในผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีพบว่าการใช้เมลาโทนินในรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่นสามารถเพิ่มคุณภาพการนอนได้ เช่น พบว่าผู้ป่วยมีความพึงพอใจในการนอนหลับมากขึ้น[7] ในประเทศไทยนั้นมีรูปแบบออกฤทธิ์เนิ่นที่จำหน่ายเป็นยาจึงอาจเหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับไม่ต่อเนื่องเป็นหลัก
สำหรับการศึกษาอื่นๆ เมื่อเทียบระหว่างการใช้เมลาโทนินและยาหลอก ในการป้องกันภาวะเจ็ทแลค (jet lag) พบว่าเมลาโทนินมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยดี เมื่อใช้ในระยะสั้นเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว โดยขนาดยาจะใช้ในขนาด 1.5-3 มิลลิกรัม ทานก่อนเวลานอนของประเทศเป้าหมายที่เดินทางไปเล็กน้อย[3] อย่างไรก็ตามหากผู้อ่านสนใจในประเด็นนี้สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความ “เจ็ทแลค (Jet lag) เพลียเพราะบินไกลกินเมลาโตนินอย่างไรให้ได้ผล”
ความลับที่ 5 ข้อควรระวังที่ต้องรู้ก่อนใช้เมลาโทนิน
ความลับข้อสุดท้ายนี้จะพูดถึงข้อควรระวังในการใช้เมลาโทนิน เมลาโทนินนี้เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยในการใช้เมื่อใช้ตามขนาดที่ระบุไว้ และ ไม่พบอาการถอนยาเมื่อหยุดใช้ยา อย่างไรก็ตามพบว่าขณะใช้ยาอาจพบอาการข้างเคียง เช่น ง่วงซึม ปวดหัว ได้ดังนั้นควรเลี่ยงการขับขี่ยาหนะ หรือทำงานที่ความเสี่ยงสูงหากมีอาการง่วงซึมขณะใช้ยานี้
สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลศึกษาเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในประชากรกลุ่มนี้[5]
จากความลับทั้ง 5 ที่ได้กล่าวมานี้เชื่อว่าหลายคนก็คงได้รู้จักกับเมลาโทนินในแง่มุมต่างๆที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีอาการนอนไม่หลับ และสนใจในการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ เบื้องต้นอยากให้สังเกตแบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆเป็นอันดับแรก โดยอาจปฏิบัติตนตามสุขบัญญัติเพื่อการนอนหลับ (sleep hygiene) เช่น พยายามนอนหลับให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน แม้จะเป็นในวันหยุด และ นอนหลับอย่างเพียงพออย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์สื่อสารเป็นกิจวัตรควรปิดอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 30 นาทีก่อนการเข้านอน เป็นต้น[8,9] โดยการปรับพฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและยั่งยืน อย่างไรก็ตามหากท่านมีข้อสงสัยด้านการใช้ยา ไม่ว่าจะกำลังใช้ยาเมลาโทนินนี้อยู่ หรือสนใจที่จะใช้ยาควรปรึกษาแพทย์เภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ เพื่อให้ท่านใช้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด