การพัฒนาวิธีวิเคราะห์ปริมาณยานาโปรเซ็นและ นาบูมีโทนอย่างรวดเร็วและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคนิคไฮเพอร์ฟอร์มานซ์ลิควิดโครมาโทรกราฟี บนไมโครคอลัมน์

โดย: นางสาวพิริยาพร พุทธธนะพิทักษ์,นางสาวสุชานันท์ โชคศิลปสาท    ปีการศึกษา: 2560    กลุ่มที่: 27

อาจารย์ที่ปรึกษา: บรมพจน์ พฤฒิวนาสัณฑ์ , ลีณา สุนทรสุข , ชุติมา เพชรกระจ่าง    ภาควิชา: ภาควิชาเภสัชเคมี

Keyword: ไมโครคอลัมน์, นาโปรเซ็น, นาบูมีโทน, ไฮเพอร์ฟอร์มานซ์ลิควิดโครมาโทรกราฟี, microcolumn, naproxen, nabumetone, high performance liquid chromatography, HPLC
บทคัดย่อ:
วิธีวิเคราะห์ยานาโปรเซ็นและนาบูมีโทนด้วยเทคนิคไฮเพอร์ฟอร์มานซ์ลิควิดโครมาโทร กราฟีบนไมโครคอลัมน์ได้ถูกพัฒนาขึ้นในการศึกษานี้ โดยศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการแยกสารทั้งสอง ได้แก่ ชนิดของวัฏภาคนิ่ง ชนิด อัตราส่วน และอัตราการไหลของวัฏภาคเคลื่อนที่ และอุณหภูมิของการวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่าสารทั้งสองสามารถแยกออกจากกัน (ค่าการแยกชัดเท่ากับ 3.29) ได้ภายใน 4 นาที บนวัฏภาคนิ่งชนิดคาร์บอน 18 ขนาดความยาว 1 เซนติเมตร (เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มิลลิเมตร ขนาดวัสดุบรรจุ 5 ไมครอน) โดยใช้วัฏภาคเคลื่อนที่เป็นสารละลายผสม ระหว่างกรดอะซีติกในน้ำความเข้มข้นร้อยละ 2 โดยปริมาตรและอะซีโตไนไตรล์ ในอัตราส่วนร้อยละ 75 ต่อ 25 โดยปริมาตรตามลำดับ อัตราการไหลของวัฏภาคเคลื่อนที่ 2 มิลลิลิตรต่อนาที อุณหภูมิการวิเคราะห์ 40 องศาเซลเซียส และใช้ตัวตรวจวัดชนิดอัลตร้าไวโอเลตวิสิเบิลที่ความยาวคลื่น 271 นาโนเมตร วิธีดังกล่าวได้ผ่านการประเมินความถูกต้องของวิธีวิเคราะห์ในหัวข้อความจำเพาะของวิธี ช่วงการวิเคราะห์ ความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง ความแม่นยำ และความถูกต้อง พบว่า วิธีมีความจำเพาะต่อการแยกยาทั้งสองชนิด (ค่าดัชนีความบริสุทธิ์ของพีคมากกว่าร้อยละ 99) มีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง (ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์มีค่ามากกว่า 0.999) ในช่วงความเข้มข้นระหว่าง 2 ถึง 30 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร มีความแม่นยำ (ร้อยละค่าเบี่ยงเบนสัมพัทธ์น้อยกว่า 0.97) และถูกต้อง (ค่าร้อยละการคืนกลับอยู่ในช่วง 98.8 ถึง 100.5) สำหรับการวิเคราะห์สารทั้งสองชนิด วิธีที่ผ่านการประเมินแล้วได้ถูกประยุกต์ใช้สำหรับการวิเคราะห์ตัวอย่างยาเม็ดนาโปรเซ็นและนาบูมีโทนที่มีในท้องตลาด พบว่าสามารถหาปริมาณยาในยาเม็ดได้อยู่ในช่วงที่เภสัชตำรับมาตรฐานกำหนด
abstract:
In this study, A high performance liquid chromatographic method for the determination of naproxen and nabumetone using a microcolumn was developed. Factors affecting the separation (i.e. types of stationary phase, types, composition and flow rate of mobile phases and column temperature) were investigated. Results show that separation of the analytes (Rs = 3.29) was achieved on a 1 cm column with C18 stationary phase (I.D. 4 mm; particle size 5 µm) using the mobile phase consisted of 2 %v/v acetic acid (in water) and acetonitrile (75 and 25 %v/v, respectively) with an isocratic elution at 2 mL/min. Column temperature was at 40 OC and the detection was done by a ultraviolet-visible detector at 271 nm. The method was validated in terms of specificity, range, linearity, precision and accuracy. It was found that method was specific (purity indices  99%), linear (r > 0.999) in a range of 2 to 30 µg/mL, precise (%RSD < 0.97) and accurate (%recovery of 98.8 to 100.5%) for determination of naproxen and nabumetone in tablets. Finally, the method was applied for the determination of naproxen and nabumetone tablets that are available in local markets. It was found that the percent labeled amounts in the investigated samples were acceptable according to Pharmacopeia specification.  
.