Proton Pump Inhibitors May Increase Fracture Risk, FDA Warns

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้ออกคำเตือนให้ระวังการสั่งจ่ายยากลุ่ม proton pump inhibitors; PPIs เนื่องจากพบหลักฐานทางวิชาการว่าการให้ยา PPIs ในขนาดสูง หรือการให้เป็นระยะเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด hip, wrist และ spine fracture



โดย USFDA ได้มีคำแนะนำว่าการใช้ยา PPIs ควรใช้ในขนาดต่ำที่สุดในการรักษา และระยะเวลาสั้นที่สุดที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงควรให้ความรู้แก่ผู้บริโภคไม่ให้ซื้อยากลุ่ม PPIs รับประทานเองโดยที่ไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ และได้ให้เพิ่มข้อมูลความปลอดภัยดังกล่าวในฉลากยาเพื่อเป็นการแจ้งเตือนแก่ผู้บริโภคด้วย



ยาในกลุ่ม PPIs ได้แก่ esomeprazole (Nexium®), omeprazole (Prilosec®, Zegerid®) และ lansoprazole (Prevacid®) มีข้อบ่งใช้สำหรับ โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease; GERD) แผลที่กระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก และหลอดอาหารอักเสบ



การศึกษาทางระบาดวิทยาคลินิกได้ทำการประเมินความเสี่ยงของ PPIs ต่อการเกิด hip, wrist และ spine fracture โดยมีระยะเวลาของการรับประทานอยู่ในช่วง 1-12 ปี เปรียบเทียบระหว่างผู้ที่รับประทานยา กับไม่ได้รับประทานยา จากตรวจสอบพบว่า 6 การศึกษาที่มีรายงานการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงดังกล่าว และมี 2 การศึกษาที่พบว่าความเสี่ยงต่อการเกิด fracture จะเพิ่มขึ้นในผู้ป่วยที่รับประทานยา PPIs ในขนาดสูง ในขณะที่อีก 2 การศึกษาพบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนั้นสัมพันธ์กับระยะเวลาของการรับประทานยา โดยกลุ่มผู้ป่วยที่ทำการศึกษาส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิด fracture ร่วมด้วย



อย่างไรก็ตามมี 7 การศึกษาที่ระบุถึงข้อจำกัดในการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด fracture ของผู้ป่วย เช่น ประวัติของการเกิดกระดูกพรุนของคนในครอบครัว ประวัติการสูบบุหรี่ หรือประวัติของการดื่มแอลกอฮอล์ และการศึกษาส่วนมากก็ไม่ได้มีรายงานถึงระยะเวลาของการใช้ยากับเวลาที่เริ่มการเกิดภาวะกระดูกพรุน หรือทำให้ภาวะกระดูกพรุนแย่ลง และมี 3 การศึกษาที่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ PPIs เป็นระยะเวลานานกับการสูญเสียมวลกระดูก (bone mineral density)



จากหลักฐานทางวิชาการที่กล่าวมาอาจยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนของการใช้ยา PPIs กับความเสี่ยงต่อการเกิด fracture ซึ่งขณะนี้ได้มีการวิเคราะห์ทำการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช้ยากลุ่ม bisphosphonates สำหรับการป้องกัน bone fracture และประเมินปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยเพศหญิงต่อการเกิด fracture ที่สัมพันธ์กับภาวะกระดูกพรุน รวมถึงศึกษาว่าผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมีการใช้ PPIs ร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ USFDA กำลังทำการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด fracture ต่อไป