ประสิทธิภาพของ HPV วัคซีนในการป้องกัน high-grade vulval and vaginal lesions

ผู้ทำการวิจัยได้รวบรวมผลการวิเคราะห์จาก 3 การศึกษาในการประเมินผลของวัคซีนในอัตราของการเกิด high-grade vulval และ vaginal lesion ที่มีความสัมพันธ์กับ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 จาก 3 randomized control trial ในผู้ป่วย 18,174 คน อายุระหว่าง 16-26 ปี ในยุโรป,เอเชีย และ อเมริกาโดยเป็นผู้หญิงสุขภาพดีและไม่เคยมีผล pap smear ที่ผิดปกติมาก่อน ผู้เข้าร่วมการศึกษาถูก random ให้ได้รับวัคซีนหรือยาหลอกโดยได้รับในวันที่ 1, เดือนที่ 2 และเดือนที่ 6 และทำการติดตามเป็นเวลา 3 ปี จากผลการศึกษาวัคซีนมีประสิทธิภาพร้อยละ 100 (95% CI = 72–100) ในการป้องกัน vulval intraepithelial neoplasia เกรด 2-3 (VIN2-3) และ vaginal intraepithelial neoplasia เกรด 2-3 (VaIN2-3) ที่มีความสัมพันธ์กับ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ในผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อนและไม่ได้รับเชื้อตลอดการศึกษาและวัคซีนมีประสิทธิภาพร้อยละ 97 ในกลุ่มที่พบว่าไม่ได้ติดเชื้อเฉพาะในวันแรกที่ไม่ได้รับวัคซีน ประสิทธิภาพจะลดลงในกลุ่มที่เป็น intent-to-treat คือในผู้หญิงที่เคยได้รับเชื้อ HPV มาก่อนที่จะได้รับวัคซีน โดยมีประสิทธิภาพร้อยละ 71 (95% CI = 37-88) ในการป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 และ มีประสิทธิภาพร้อยละ 49 ในการป้องกัน VIN2-3 หรือ VaIN2-3 ทั้งที่เกิดจากเชื้อ HPV หรือไม่ก็ตาม

Quadrivalent HPV6/11/16/18 L1 virus-like-particle (VLP) วัคซีนได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือน มิถุนายน ปี 2006 ให้ใช้เป็นวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 6/11/16/18 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่ และจากการศึกษาวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกัน high-grade vulval and vaginal lesions หรือ มะเร็งปากมดลูกที่มีความสัมพันธ์กับเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 โดยที่วัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ในผู้ที่ไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อน