ในปี 2553 มูลค่ายาเพื่อการบริโภคในประเทศสูงถึง 134,482,077,585 บาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 35 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ มีอัตราการเพิ่มสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของการลงทุนด้านสุขภาพ และสูงกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ สาเหตุของการเพิ่มที่สูงมากนี้ เกิดจากการใช้ยาเกินความจำเป็นโดยเฉพาะยาที่มีราคาแพง การที่ยาราคาแพงมากนั้นเกิดเนื่องจากเป็นยาในสิทธิบัตรซึ่งที่ต้องนำเข้า รัฐบาลของประเทศที่พัฒนาแล้วจะวางนโยบายด้านราคายา พร้อมทั้งจัดตั้งหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำหน้าที่กำหนดราคายาให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและความสามารถในการจ่าย และในขณะเดียวกันต้องเกิดความเป็นธรรมกับผู้ผลิตยา
ภารกิจสำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศไทยเป็นไปอย่างแยกส่วน ขาดการเสริมแรงซึ่งกันและกัน ขาดหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรม การกำหนดราคายาตกอยู่ในอำนาจของบริษัทผู้ผลิตยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นยาที่มีผู้ผลิตรายเดียวหรือน้อยราย ซึ่งไม่มีกลไกการตลาดมาควบคุม
ในอีกส่วนหนึ่งของสังคม การใช้ยาที่มีราคาแพงนั้นอาจกระทบต่อกลุ่มผู้ป่วยซึ่งมีกำลังจ่าย แต่ด้วยความไม่เท่าเทียมกันของข้อมูลด้านประสิทธิผลและราคาที่ใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ จะเป็นช่องว่างให้ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคายาที่ไม่สมเหตุผลได้ หากไม่มีการกำกับควบคุมดูแลที่เหมาะสมเพียงพอ ผู้บริโภคอาจจะถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยการใช้ยาที่มีการตั้งราคาสูงเกินไป ปัญหาราคายาที่ไม่มีการควบคุมดูแลจึงส่งผลกระทบกับผู้ใช้ยาในทุกภาคส่วนของสังคม และยังส่งผลกระทบต่อความถดถอยของอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ
การที่ไม่มีระบบการกำหนดและควบคุมราคายาที่เหมาะสม ทำให้ยาที่จำหน่ายในประเทศไทยมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น กล่าวคือค่ามัธยฐานของราคายาต้นแบบที่จำหน่ายแก่ผู้ป่วยโดยสถานบริการภาครัฐมีราคาเป็น 4.36 เท่าของราคาอ้างอิงสากล และราคายาต้นแบบที่จำหน่ายแก่ผู้ป่วยในร้านยาภาคเอกชนพบว่ามีราคาสูงถึง 11.6 เท่าของราคายาอ้างอิงสากล
จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ปัญหาราคายาในประเทศเป็นประเด็นหนี่งที่ควรผลักดันให้เกิดการหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่กำหนดและควบคุมราคายาในประเทศที่เหมาะสม โปร่งใส โดยหากพิจารณาตามบริบทของระบบสุขภาพของประเทศ พบว่ามาตรการกำหนดและควบคุมราคายาควรได้รับการนำมาบังคับใช้ ทั้งในระยะหลังจากขึ้นทะเบียนยา(ก่อนออกจำหน่าย) ระยะคัดเลือกยาเพื่อบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ และในระยะการเบิกจ่ายค่ายา โดยใชกลยุทธ์ในการกำหนดและควบคุมราคายาที่เหมาะสมตามบริบทที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง/ที่มา
- กระทรวงสาธารณสุข. (2543). ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาที่ต้องแจ้งกำหนดสิ้นอายุไว้ในฉลาก พ.ศ.2543 วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
- นัยนา สันติยานนท์. ความคงตัวของเภสัชภัณฑ์และการเก็บรักษา. Thai Pharm Health Sci J,. 2008;3(1):180-7.
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการจัดเก็บยา (Guide to Good Storage Practice - GSP). ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาการและยา เรื่อง การจัดจำหน่ายและการจัดเก็บวัคซีน2555.
- Lowe R A. Storage, stability and in-use shelf-life guidelines for non-sterile medicines. London, Eastern and South East Specialist Pharmacy Services. 2001.
- The United States Pharmacopeia : USP29 : the National Formulary : NF23 : by authority of the United States Pharmacopeial Convention, meeting at Washington, D.C., March 9-13, 2005 / prepared by the Council of Experts and published by the Board of Trustees: Rockville, Md. : United States Pharmacopeial Convention Inc., c2006. Asian ed.; 2006.
-->
บทความที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความนี้
- ประโยชน์-มะเขือเทศ-ไลโคปีน-lycopene อ่านแล้ว 437,274 ครั้ง
- ถั่วเหลือง-ประโยชน์-วัยทอง-menopause อ่านแล้ว 70,112 ครั้ง
- กลูโคซามีนซัลเฟต-glucosamine-sulphate-โรคข้อเสื่อม-osteoarthristis อ่านแล้ว 205,639 ครั้ง
- อาหารสำหรับ-โรคข้ออักเสบ-รูมาตอยด์-rheumatoid อ่านแล้ว 692,785 ครั้ง
- ยาแก้ไอ-เดกซ์โทรเมทอร์แฟน-dextromethorphan-โทษ อ่านแล้ว 543,917 ครั้ง
- กลูต้าไธโอน-glutathione-ทำให้ขาวจริงหรือ อ่านแล้ว 719,916 ครั้ง
- ยาลดความอ้วน-ยาลดน้ำหนัก-Phentermine-ข้อควรระวัง อ่านแล้ว 375,796 ครั้ง
- มะรุม-พืชที่ทุกคนอยากรู้ อ่านแล้ว 234,870 ครั้ง
- Midazolam-Dormicum-ภัยสังคมที่หญิงและชายควรรู้ อ่านแล้ว 214,273 ครั้ง
- ยาหยอดตา-ข้อควรรู้ อ่านแล้ว 149,226 ครั้ง